เอกฉันท์ตั้ง “ ชีพ จุลมนต์” เป็นประธานศาลฎีกาคนที่ 44 นั่งประมุขตุลาการ มีผล 1 ต.ค.นี้ ก.ต.สรุปมีความสามารถ-มือสะอาด-ความรู้วิชาการคดีเป็นแบบอย่างตุลาการ ย้ำตั้งตามอาวุโส เผยเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตจาก ม.รามคำแหง คนแรก ที่ได้ตำแหน่งสูงสุดประมุขตุลาการ

เมื่อเวลา 15.00 น. เมื่อวันที่ 11 ก.ค. นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม เผยแพร่เอกสารข่าวการลงมติเลือกประธานศาลฎีกาคนที่ 44 ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ครั้งที่ 14/2560 นั้นที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ เห็นชอบบัญชีเสนอแต่งตั้ง นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกาคนที่ 1 เป็นประธานศาลฎีกา เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความรู้ในทางวิชาการคดี เป็นแบบอย่างที่ดีต่อข้าราชการตุลาการและเป็นไปตามลำดับอาวุโส โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชีพ จุลมนต์ นั้นปัจจุบัน อายุ 63 ปี ซึ่งมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งอีก 2 ปี จนกว่าจะเกษียณราชการในอายุ 65 ปี ซึ่งจบการศึกษาปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 2 ม.รามคำแหง และปริญญาโทรัฐศาสตร์บัณฑิต จุฬาฯ ซึ่งนายชีพ นับเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตจาก ม.รามคำแหง คนแรกที่ได้เข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดประมุขตุลาการนี้

สำหรับประวัติการรับราชการทำงานในตำแหน่งสำคัญ เริ่มตั้งเเต่เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลจังหวัดทุ่งสง ,ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลแพ่ง,ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา,รองประธานศาลอุทธรณ์,อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา,ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา,ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 3 ,ประธานศาลอุทธรณ์ ภาค 1 อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ผู้บรรยายวิชากฎหมายล้มละลาย ภาคปกติ สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา

โดยส่วนของการปฏิบัติราชการตำแหน่งผู้พิพากษานั้น นายชีพ ก็เป็นองค์คณะพิจารณาคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น ได้เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ในองค์คณะ 9 คนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีโครงการจำนำข้าวที่มีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย

อีกทั้งยังเป็นผู้พิพากษา 1 ใน 9 องค์คณะคดีฮั้วประมูลและปฏิบัติหน้าที่มิชอบระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์-อดีตนักการเมือง-เอกชน รวม 28 รายเป็นจำเลยด้วย และเป็นองค์คณะในคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปี 2551 ซึ่งมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ที่ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ตกเป็นจำเลยด้วยอีกสำนวนซึ่งคดีรอฟังผลตัดสินในวันที่ 2 ส.ค.นี้

ส่วนอดีตเมื่อครั้งนายชีพ ดำรงตำแหน่ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ระหว่างปี 2552 นายชีพ ก็ได้ทำความเห็นแย้งต่อการตัดสินคดีที่ประชาชนสนใจ อย่างที่อัยการฟ้อง นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และผู้ใต้บังคับบัญชาอีกรวม 5 คนทั้งส่วนสำนักงานกฎหมาย กรมสรรพากรและนิติกร ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลอาญา 154, 157 กรณีงดเว้นการคำนวณภาษี 270 ล้านบาท ที่โอนหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.5 ล้านหุ้น

ซึ่งแม้องค์คณะที่พิพากษาจะตัดสินให้ยกฟ้อง แต่ในฐานะผู้บริหารที่มีหน้าที่ตรวจสำนวนและอำนาจให้คำแนะนำแก่ผู้พิพากษาเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในการพิพากษาคดี ก็ได้ทำความเห็นแย้งให้ติดไว้ในสำนวนว่า พฤติกรรมการกระทำของนายศิโรตม์ และผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนจำชี้ให้เห็นถึงเจตนาที่จะช่วยเหลือ หรือเอื้อประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้กับนายบรรณพจน์ เพื่อไม่ต้องเสียภาษีเป็นเงิน 270 ล้านบาท จึงควรมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน