เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการสื่อสัญญาณ 150 วันอันตรายของเศรษฐกิจไทยโดยกลุ่มแคร์ภาคประชาชนว่า ส่อเค้าเป็นจริง

เพราะแบงค์ชาติได้สั่งให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นสิ่งบอกเหตุว่าธนาคารจะมีหนี้เสียที่ปริมาณสูง จึงต้องให้สำรองเงินเอาไว้แก้หนี้สูญ ขนาดผู้ว่าแบงค์ชาติยังไม่ขอต่อเทอมเป็นผู้ว่าสมัยที่สอง แสดงว่าเห็นความหายนะที่รออยู่ข้างหน้าแน่ๆ วิกฤติการณ์โควิด-19 เพียง 2 เดือนไม่เป็นเหตุให้เศรษฐกิจไทยต้องพังพินาศขนาดนี้หรอก

แต่ที่เป็นเช่นนี้เพราะเศรษฐกิจมันย่อยยับสะสมมาตั้งแต่ 6 ปีก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยน้ำมือของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ พอมาเจอโควิดซ้ำเติม บวกการใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกินความจำเป็น เพราะความขลาดกลัว ทำให้นักลงทุนทั้งไทยและเทศยิ่งขยาด ไม่กล้ามาลงทุนในประเทศไทย มันจึงสาหัสเกินกว่าที่ควรจะเป็น

พล.ท.ภราดร กล่าวอีกว่า ทางรอดพ้นจากวิกฤติการณ์นี้คือ เราต้องได้ผู้นำที่เป็นคนรู้จริง รอบคอบครบถ้วน และก้าวไกลเข้ามาแก้ไข แต่นายกฯ สืบทอดอำนาจ ไม่มีคุณลักษณะดังกล่าวเลยแม้แต่ข้อเดียว เมื่อมาเจอภาคประชาชนผู้รักประชาธิปไตยเคลื่อนไหวจัดกิจกรรม 24 มิถุนา 2475 รำลึกครบรอบ 88 ปีเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ซึ่งจะไม่นำไปสู่เหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในอนาคตแต่ประการใด ความต้องการของเขาก็คือ ให้กองทัพเป็นทหารอาชีพ มีสำนึกประชาธิปไตย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และเคียงข้างรับใช้ประชาชน ถ้ารัฐบาลรู้จริงเข้าใจความมุ่งหมายของประชาชน มองการณ์ไกล เร่งปฏิรูปกองทัพแต่เนิ่นให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน การต่อต้านคัดค้านย่อมไม่มี

แต่มันจะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้เพราะพฤติการณ์ของผู้นำสืบทอดอำนาจที่ผ่านมา บ่งบอกว่าเขาเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง กล้าทำทุกวิถีทางให้ได้อำนาจ โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมจรรยาแต่อย่างใด อย่าไปหวังสปิริตจากตัวเขา จึงเป็นที่มาว่าทำไมแฟลชม็อบต้องกลับมาลุกฮือขับไล่ ประชาชนเขาไม่แคร์ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกันแล้ว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน