“ประยุทธ์” ยอมรับ ภาครัฐอ่อนประชาสัมพันธ์ ทำคนมองยุทธศาสตร์ชาติไม่คืบ อ้างปิดสมัยประชุมพอดี อดแจงคืบหน้าปฏิรูปประเทศ หลังศรีสุวรรณ จ่อเอาผิด

เมื่อเวลา 16.00น. วันที่ 9 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เรื่องการ เดินสายพบกองบรรณาธิการสื่อมวลชน ว่า

ได้มีการทำงานแบบ new normal โดยการพบทุกภาคส่วนตั้งแต่บรรดาผู้มีรายได้สูงหรือ สมาคมต่างๆ ผู้ประกอบการต่างๆด้วยตนเอง และวันนี้ก็ได้ไปพบสื่อด้วยตนเอง ไม่ได้ไปเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้สื่อรัก หรือเกลียดตน ไม่ใช่ เพียงแค่ต้องการรับฟังแนวความคิดของผู้บริหารสื่อ ว่าประเทศไทยควรเดินหน้าอย่างไรในช่วง 3 ปีข้างหน้า และจะแก้ปัญหาร่วมกันอย่างไร จากปัญหาทับซ้อน ที่มีมายาวนาน

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยรัฐธรรมนูญได้ ยื่นป.ป.ช. เอาผิดคณะรัฐมนตรี กรณี ไม่แจ้งความคืบหน้าในการดําเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศต่อรัฐสภาเพื่อทราบทุกสามเดือน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นั้น

ช่วงครบกำหนด 3 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้มีการชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นเพราะตรงกับช่วงปิดสมัยประชุม ไม่ใช่การคิดที่จะเบี้ยว ไม่ไปชี้แจงความคืบหน้าแต่อย่างอย่างใด พร้อมระบุการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศ ได้ดำเนินการและมีความคืบหน้าไปมาก

แต่ก็ต้องถือว่าเป็นความผิดของรัฐบาล ที่ไม่สามารถอธิบายทำความเข้าใจให้ประชาชนได้รับรู้อย่างทั่วถึง อีกทั้ง การทำงานก็ล้วนแต่เป็นการจัดทำแผน มักจะไม่เห็นความคืบหน้าในระยะเวลา 3 เดือน ต้องประเมินเป็นราย 1ปี 5 ปี และ 20 ปี ตามลำดับถึงจะเห็นความก้าวหน้า

“ต้องดูว่าข้อเท็จจริงคืออะไร คำว่ายุทธศาสตร์ชาติเราอาจจะสร้างความเข้าใจได้ไม่ชัดเจนว่าทำไมต้องมี ซึ่งเรามีเพื่อให้เกิดความยั่งยืน หลายโครงการต้องมีหลักการในการทำงาน ทุกกระทรวงจะต้องตอบ ยุทธศาสตร์ชาติเหล่านั้นให้ได้ โดยการเดินหน้างาน

ทั้งนี้การรายงานทุก 3 เดือน ถือเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งบางทีเป็นเพียงแค่การประชุมหารือ จัดทำแผนงานโครงการ เป็นการเริ่มต้น ซึ่งตนอยากให้มองย้อน 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการทำงานตอบยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้านไปแล้วเท่าไรบางคนอาจไม่รู้สึกว่าได้อะไรไปแล้วหรือยัง ผมจะสร้างการรับรู้แบบใหม่ให้เห็น ในระยะต่อไป รวมถึงการใช้งบประมาณ

จะต้องตอบยุทธศาสตร์ชาติในแต่ละข้อให้มีความก้าวหน้า บางโครงการจบใน 1 ปี มีผลสัมฤทธิ์แล้ว แต่บางอย่าง โครงการเกิน 1 ปี โดยเฉพาะโครงการปานกลาง 3 ปี ระยะยาว 5 ปี ขึ้นไป ต้องใช้ระยะเวลา ในการประเมินผลสัมฤทธิ์ ท้ายที่สุด เมื่อถึง 20 ปี จะเกิดการสร้างสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ในลักษณะมหภาคขึ้นมา ตอบสนองคนทั้งประเทศ

และโครงการอีอีซี ก็เป็นส่วนหนึ่งในมาตรการแข่งขัน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากมีกิจกรรมย่อย อยู่ในนั้น ทั้งนี้ต้องมองบริบทโดยรวม ถึงจะเข้าใจ ว่ายุทธศาสตร์ชาติคืออะไร บางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นมีอะไรสำเร็จเลยตรงนี้ตนจะตอบสนองว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง และจะทำอะไรต่อไป รวมถึงเรื่องที่ยังค้าง ฝากนักข่าวช่วยกันทำความเข้าใจประเด็นเหล่านี้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน