แฟลชม็อบ พรึ่บ มอ.ปัตตานี เมินอธิการ ห้ามชุมนุมในมหาวิทยาลัย

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 23 ก.ค. ที่ หน้าอาคารกิจกรรมนักศึกษา หรือตึกส้ม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กลุ่ม องค์กรกิจกรรมนักศึกษา มอ.ปัตตานี ร่วมกันจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ หมุดหมายประชาธิปไตย เพื่อร่วมตัวกันแสดงออกถึงการไม่เอารัฐบาลเผด็จการ

รวมถึงการเรียกร้องให้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทายลัยสงขลานครินทร์ ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่ได้ลงนามหนังสือประกาศห้ามไม่ให้นักศึกษาจัดกิจกรรมในครั้งนี้

แฟลชม็อบ

โดยกิจกรรมเริ่มตั่งแต่เวลา 16.30 น. มีแกนนำนักศึกษา และกลุ่มองค์กรกิจกรรมนักศึกษา มอ.ปัตตานี นำโดย นายฟาห์เรนน์ นิยมเดชา นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์สาขาการปกครอง ได้จัดเตรียมเครื่องเสียง และแผ่นป้าย พร้อมนำภาพ บุคลที่ถูกบังคับให้สูญหายตั่งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน นำมาติดไว้โดยรอบของการจัดงาน

มีนิสิต นักศึกษา และนักเรียน ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมแฟลชม็อบอย่างต่อเนื่อง โดยแกนนำกลุ่มนักศึกษาทยอยขึ้นเวทีปราศรัย เพื่อเรียกร้องตามข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาล 4 ข้อ 1 หยุดการคุกคามประชาชนผู้เห็นต่าง 2 เรียกร้องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 3 เรียกร้องให้ยุบสภา และ 4 ยกเลิกมติ ครม. นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ท่ามกลางเสียโห่ร้องขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ จันโอชา โดยคาดว่ามีผู้มาเข้าร่วมในครั้งนี้กว่า 500 คน

แฟลชม็อบ

จนกระทั่งเวลา 17.30 น. นายฟาห์เรนน์ นิยมเดชา 1 ในแกนนำนักศึกษาได้ขึ้นปราศรัย เพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการ พร้อมทั้งอ่านคำแถลงมีใจความว่า แถลงการณ์กลุ่ม องค์กรกิจกรรมนักศึกษา มอ.ปัตตานี เรียกร้อง ขอเรียกร้องต่อรัฐบาล

ภายใต้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า โควิด 19 รัฐบาลล้มเหลวในการจัดการอย่างสิ้นเชิง มีผู้ได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งประชาชนที่กำลังตกงาน ขาดรายได้ ไปถึงขั้นมีผู้ตรอมใจตายเพราะพิษเศรษฐกิจ

จึงเป็นหลักฐานว่า การประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ในการควบคุมไวรัสโคโรน่า 2019 ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ ในการทำนุบำรุงสุข ประชาชน มีแต่ ทวีความเดือดร้อนให้กับประชาชน
รัฐบาลใช้กฎหมายพระราชบัญญัติประกาศด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน กดขี่ผู้เห็นต่างมากมาย ประชาชน นิสิต นักศึกษา นักเรียน ผู้รักเสรีภาพ จนไม่อาจจะยอมรับและให้อภัย กับการกระทำอันไร้ความรับผิดชอบ

ตลอดระยะเวลาการบริหาร ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้นำประเทศของเราถดถอยมาจากสภาวะที่ไร้การพัฒนา การกระทำของรัฐบาลยึดอำนาจแปลงกาย พยายามฉุดรั้งประเทศ อย่างยอมรับไม่ได้ มีต้นตอมาจาก รัฐธรรมนูญปี 60 อันไร้ความโปร่งใส

ไม่ว่าในแง่ที่มา กายภาพ และกฎหมาย มีการใช้วิธีการต่างๆมากมาย เพื่อปิดกั้นผู้เห็นต่าง จึงเรียนมาเพื่อส่งต่อข้อเรียกร้อง ต่อรัฐบาลดังนี้ 1 หยุดคุกคามประชาชนผู้เห็นต่าง 2 เปิดทางให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

3 ยุบสภาเดินหน้า สู่การเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ว่าจะเอาหรือไม่เอา ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ 4 ยกเลิกมติ ครม. นิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

หลังจากสิ้นการแถลงการณ์ ทางนักศึกษาที่รวมตัวกันชุมนุแฟลชม็อบ ได้รวมตัวกันถ่ายภาพ และเปิดแฟลชมือถือเพื่อส่องแสงสว่างให้กับประเทศ ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับในช่วงเวลา 18.30 น.

นายฟาห์เรนน์ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ทางอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ท่าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ ได้ออกประกาศห้ามไม่ให้มีการชุมนุมในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นประกาศที่ไม่ปกติ ทั้งๆที่ในชีวิตมหาวิทยาลัยทั้ง ที่โรงอาหาร ห้องเรียน ก็มีการวมตัวของนักศึกษา แต่กลับมาห้ามการจัดแฟลชม็อบ

ทางนักศึกษาเลยเปลี่ยนมารวมตัวเพื่อไล่อธิการบดี เนื่องจากไม่ปกป้อง สิทธิ เสรีภาพ ของนักศึกษาที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งนี้เป็นสิทธิที่สำคัญ และถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นในสถานศึกษาได้ สิ่งเหล่านี้จะไปเกิดขึ้นที่ตรงไหนในสังคมไทย

นี้คือสิ่งที่ต้องถกเถียงกับอธิการบดีว่า คุณเชื่อในประชาธิปไตยหรือไหม เชื่อในสิทธิเสรีภาพหรือไม ถ้าเชื่อทำไมถึงมีการห้ามไม่ให้มีการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ และในวันนี้เราเสนอข้อเรียกร้องเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 3 ข้อ คือ ขอยกเลิกมติ ครม.ว่าด้วยนิคมอุตสาหกรรมจะนะ ที่กำลังเป็นที่กังขา และกังวลว่าจะเกิดรอยร้าวและเกิดความขัดแย้งระลอกใหม่

ถ้าหากรัฐบาลจะยังคงดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมก้าวหน้า ก็ต้องมีการนับหนึ่งใหม่ ให้ความรู้กับประชาชนใหม่ ทำประชาวิจารณ์ใหม่ และรับฟังผู้เห็นด้วยและเห็นต่าง โดยที่รัฐต้องฟังในรอบด้าน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน