“ปิยบุตร” ชงโละ บทเฉพาะกาล มาตรา 279 ที่รับรองคำสั่ง คสช. และ มาตรา 272 ส.ว. 250 คน ไร้จำเป็น แนะทำไปพร้อมตั้ง ส.ส.ร. เชื่อลดความร้อนแรงม็อบได้

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. เวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เผยว่า ในการประชุม กมธ.วันเดียวกันนี้เป็นการพูดถึงบทเฉพาะกาล

ซึ่งตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 60 มีปัญหาหลายเรื่อง โดยเฉพาะในบทเฉพาะกาล ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่วางเอาไว้เพื่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. ตามความเห็นตนสิ่งแรกที่จำเป็นต้องแก้ไขก่อนคือยกเลิกมาตรา 279 ซึ่งรับรองให้บรรดาประกาศ คำสั่งและการใช้อำนาจต่างๆ ของ คสช.ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

ทั้งที่มาตรา 279 เหมือนหลุมดำของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะยกเว้นให้กับการใช้อำนาจของ คสช. ตลอดช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบทเฉพาะกาลควรจะมีผลใช้บังคับชั่วคราว แต่กลายเป็นว่ามาตรา 279 ใช้บังคับตลอดกาล อย่างนี้ไม่ใช่เฉพาะกาล แต่เป็นบทสืบทอดอำนาจและรับรองการใช้อำนาจ ป้องกันไม่ให้การใช้อำนาจต่างๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงที่เป็นหัวหน้า คสช.ขัดรัฐธรรมนูญ

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีจะเสนอให้ยกเลิกมาตรา 269, 270, 271 และ 272 ซึ่งว่าด้วยสมาชิกวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาล 250 คน มีเวลา 5 ปี ซึ่งตนเห็นว่าเวลานี้ภารกิจของ ส.ว.ตามบทเฉพาะกาลสิ้นสุดลงไปแล้วคือ ได้เลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายในกรณีที่หากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นครั้งหน้า คิดว่าส.ว.ทั้ง 250 คนควรต้องยุติบทบาทตรงนี้

ส่วนคนที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ สามารถกลับเข้ามาสมัครใหม่เป็นส.ว.ตามช่องทางปกติได้ และถ้ากังวลใจว่าส.ว. 250 คนจะคอยประคับประคองรัฐบาลโดยเฉพาะเวลาออกกฎหมายปฏิรูป ตนเห็นว่าเรื่องนี้แทบจะไม่มีความจำเป็นแล้ว เพราะเสียงของรัฐบาลเวลานี้ทิ้งขาดฝ่ายค้านไปกว่า 60 เสียงแล้ว

เมื่อถามว่าการแก้มาตรา 256 จำเป็นต้องใช้เสียงส.ว.สนับสนุนและการแก้มาตราอื่นๆ โอกาสเป็นไปได้แทบไม่มี นายปิยุบตรกล่าวว่า มันเป็นปัญหาไก่กับไข่ว่าอะไรเกิดก่อนกัน ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้วางไว้ว่า ส.ว.จะต้องมีส่วนแก้รัฐธรรมนูญด้วย ถ้าเราไม่มีส.ว. 84 คนเป็นอย่างน้อยก็ไม่มีทางแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ

ดังนั้น ตนขอความร่วมมือกับ ส.ว.250 คนว่าถ้าท่านนั่งอยู่แบบนี้ต่อไป นานวันขึ้นความชอบธรรมก็จะลดน้อยถอลงไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ตนยังไม่เห็นใครมีความสามารถมาอธิบายเหตุผลการมีอยู่ของส.ว. ได้ ดังนั้น แทนที่ท่านจะถูกกดดันและไล่ออกไป คิดว่าท่านควรแก้เรื่องนี้ดีกว่า แล้วกลับมาเป็นส.ว. ตามปกติ








Advertisement

ที่สำคัญก่อนหน้านั้น คนจำนวนมากมักพูดว่าไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะแก้รัฐธรรมนูญแล้วเป็นไปเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองเอง และคนเหล่านี้จำนวนมากก็เข้ามาเป็นส.ว.ชุดปัจจุบัน และวันนี้คนเหล่านี้กำลังมาบอกว่าไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งก็คือเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการไม่มีส.ว. 250 คน ไม่เห็นมีใครกระทบกระเทือนนอกจาก ส.ว.เองเท่านั้น ดังนั้น ควรมองภาพใหญ่มากกว่าตัวเองได้ตำแหน่ง

เมื่อถามว่ามาตราต่างๆ ที่เสนอมาจำเป็นต้องเข้าไปแก้ในสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือทำเฉพาะประเด็น นายปิบุตรกล่าวว่า มีขั้นตอนในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ตนเห็นว่าสามารถเสนอไปพร้อมกันทั้ง 3 ฉบับ คือ ยกเลิกส.ว.ตามบทเฉพาะกาล, ยกเลิกมาตรา 279 และแก้ไขมาตรา 256 แล้วจัดให้มีส.ส.ร. ซึ่งทั้ง 3 ฉบับนี้กว่าจะผ่านความเห็นชอบต้องใช้เวลา

แต่คิดว่า 2 ฉบับแรกจะเร็วกว่าเพราะแก้ง่ายมาก ส่วนการตั้ง ส.ส.ร.ก็ดำเนินการไป ซึ่งที่สุดแล้วจะเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองของนิสิตนักศึกษา ว่าอย่างน้อยที่สุดเรื่องเหล่านี้ได้รับการแก้ไข เชื่อว่าจะทำให้อุณหภูมิความร้อนแรงของการชุมนุมบรรเทาเบาบางลงไปบ้าง ดีกว่าปล่อยอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วไม่แก้ไขอะไรเลย

“ในเมื่อทุกวันนี้เรายืนยันแล้วว่ามีการเลือกตั้งเกิดขึ้นประเทศไทยกำลังทยอยกลับเข้าสู่ระบบปกติ ดังนั้นอะไรที่เป็นสิ่งผิดปกติอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ปรากฎอยู่ในบทเฉพาะกาล ก็ควรต้องยกเลิกออกไป ความเห็นของผมคือ 2 เรื่องใหญ่ๆ มาตราสุดท้ายที่รับรองอำนาจของ คสช. และมาตราที่ว่าด้วยอำนาจของวุฒิสภา 250 คน”นายปิยบุตร กล่าว

เมื่อถามว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภาเพื่อเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวว่า เท่าที่ตนได้ฟังที่คนพูดเรื่อยุบสภา คือ หากยุบสภาตอนนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์ เพราะเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก โดยกลไกส.ว. 250 คน ซึ่งการเลือตั้งครั้งที่แล้ว หลายพรรคการเมืองรณรงค์ไว้ว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ

แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาปรากฏว่ามีบางพรรคการเมืองไปสนับสนุ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ตนเชื่อว่าเพราะกติกาที่ส.ว.ไปเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะหากไม่มี ส.ว.แล้วใช้ระบบปกติ พรรคอันดับหนึ่งตั้งรัฐบาลได้แน่ๆ แต่เมื่อมีส.ว.ทำให้บิดผันการตัดสินใจของพรรคการเมืองไปจำนวนมาก หากเรายกเลิก ส.ว. หากมีการยุบสภา เชื่อว่าการตัดสินใจของคนที่จะไปร่วมรัฐบาลจะเปลี่ยนไปชัดเจน

ที่สำคัญประชาชนมีอำนาจกำหนดตัวรัฐมนตรีและรัฐบาลอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องการแก้ไขระบบเลือกตั้งก็สุดแท้แต่ที่จะแก้ แต่ในความเห็นของตนระบบเลือกตั้งขณะนี้มีความแปลกประหลาด แต่ตนพยายามละเว้นไม่พูดเรื่องนี้ เพราะจะมากล่าวหาว่าต้องการแก้เพื่อพรรคพวกตัวเอง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน