“สุพล” แจงปม บิ๊กป.สั่งโหวต! อ้างจำทนลงมติ ซื้อเรือดำน้ำ ทร.ยันเลื่อนไม่ได้

วันที่ 23 ส.ค. นายสุพล ฟองงาม ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานอนุคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี2564 กล่าวถึงกรณีอนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯมีมติเห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำ2 ลำ ของกองทัพเรือ วงเงิน 22,500ล้านบาทว่า กองทัพเรือ มีความพยายามขออนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำจากอนุกมธ.มาแล้ว 2รอบ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ครั้งแรกกองทัพเรือชี้แจงไม่เคลียร์ อนุกมธ.จึงแขวนงบไว้ก่อน โดยให้กองทัพเรือส่งเอกสารเพิ่มเติมเรื่องรายละเอียดสัญญาจีทูจีการซื้อเรือดำน้ำ และผลการเจรจากับจีนจะยอมให้เลื่อนจัดซื้อเรือดำน้ำได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา กองทัพเรือมาชี้แจงต่ออนุกมธ.อีกครั้ง โดยนำเอกสารที่อนุกมธ.ขอไปมาให้ดู แล้วยืนยันว่า จีนไม่ให้เลื่อนการจัดซื้อ เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าไม่ชำระตามสัญญาอาจมีผลกระทบต่อการลงทุน การท่องเที่ยว และหากไม่ซื้อครั้งนี้ จะไม่ได้ราคาเดิมที่ตกลงกันไว้ ทางกองทัพเรือยืนยันไม่สามารถเลื่อนการจัดซื้อได้ ที่สำคัญการซื้อเรือดำน้ำเป็นนโยบายรัฐบาลจึงเกิดการแบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านในอนุกมธ.

นายสุพล กล่าวว่า ตอนแรกตนเสนอให้อนุกมธ.ไม่ลงมติเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ให้ส่งเรื่องให้กมธ.งบประมาณฯ ชุดใหญ่พิจารณา ปรากฎว่าอนุกมธ.หลายคนคัดค้าน อยากให้ลงมติตัดสินเลย จนต้องมีการโหวตว่า จะให้อนุกมธ.ลงมติจัดซื้อเรือดำน้ำหรือให้กมธ.ชุดใหญ่ตัดสิน เสียงส่วนใหญ่ให้อนุกมธ.ตัดสิน จึงมีการโหวตในชั้นอนุกมธ.เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ ผลที่ออกมาเสมอกัน 4 ต่อ 4

ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯระบุให้ประธานอนุกมธ. ลงมติชี้ขาด ซึ่งลึกๆแล้ว ตนอยากให้เลื่อนการจัดซื้อไปก่อน เพราะประเทศมีปัญหาสภาวะเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายรัฐบาล อีกทั้งกองทัพเรือยืนยันไม่สามารถเลื่อนการจัดซื้อได้อีก ตนจึงเลี่ยงไม่ได้ ต้องลงมติให้จัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะดูแล้วถ้าไม่ลงมติเห็นชอบก็จะมีผลเสียหายตามมาเช่นกัน

นายสุพล กล่าวอีกว่า ทราบดีว่าการลงมติเห็นชอบการจัดซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้จะถูกโยงไปเติมเชื้อสถานการณ์การเมืองให้แรงยิ่งขึ้น ต้องถูกยำแน่ ถึงจะอธิบายเหตุผลความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อว่า เป็นการดำเนินการตามงบผูกพันที่ต้องเตรียมการจัดซื้อไว้แต่เนิ่นๆ กว่าจะจัดซื้อและได้เรือดำน้ำมาต้องใช้เวลาอีกหลายปี

อีกทั้งยังเป็นการผ่อนชำระเป็นงวดๆ ไม่ได้จ่ายครั้งเดียว แต่ประชาชนคงไม่รับฟัง ดูแล้วน่าห่วงต่อสถานการณ์การเมือง ดังนั้นในการประชุมกมธ.งบประมาณฯชุดใหญ่ วันที่ 26 ส.ค.นี้ ตนจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาชั่งน้ำหนักให้ดีถึงความขัดแย้งในประเทศที่จะตามมา ถ้ามีการซื้อเรือดำน้ำ กับความเสียหายที่ได้รับจากกาเลื่อนซื้อเรือดำน้ำ อะไรจะเกิดผลกระทบมากกว่ากัน ถ้าเป็นไปได้อยากให้ที่ประชุมกมธ.ทบทวนการจัดซื้อ เพราะถ้าทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแรงขึ้น ควรเลื่อนการจัดซื้อไปก่อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมจะเห็นด้วยหรือไม่เพราะมติของอนุกมธ.ยังไม่ใช่มติชี้ขาด กมธ.ชุดใหญ่สามารถทบทวนได้

ขณะนี้สถานการณ์ชุมนุมถือว่าถูกจุดติดแล้ว จะชี้แจงอย่างไร ประชาชนคงไม่ฟัง เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและความไม่พอใจรัฐบาล ก็ภาวนาให้กมธ.งบฯชุดใหญ่ทบทวนเรื่องนี้“นายสุพลกล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานอนุกมธ.ฯ ระบุว่า มีบิ๊ก ป.ผู้มีอำนาจในรัฐบาล โทรศัพท์สั่งการในช่วงที่อนุกมธ.ลงมติเสมอกัน 4 ต่อ 4 ให้นายสุพลโหวตชี้ขาดให้มีการจัดซื้อเรือดำน้ำ นายสุพล กล่าวว่า ไม่มีใครสั่งการ อ่านตัดสินใจเรื่องนี้เป็นสิทธิ์และทุกคนพิจารณาอย่างอิสระ การจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นนโยบายรัฐบาล ส.ส.รัฐบาลก็ต้องโหวตสนับสนุน ไม่มีสัญญาณใดๆมาจากใครทั้งสิ้น ซึ่งกองทัพเรือยืนยันว่า ไม่สามารถเลื่อนการจัดซื้อได้แล้ว จึงจำเป็นต้องโหวตสนับสนุนการจัดซื้อ

“นายยุทธพงศ์ ควรรักษามารยาทในการพูดพาดพิงคนอื่นโดยที่ไม่มีมูลข้อเท็จจริง ควรเคารพสิทธิ์และความเห็นของคนอื่น ซึ่งการพิจารณาครั้งนี้ผมในฐานะประธานคณะอนุฯ ทำตามข้อบังคับการประชุม เมื่อผลโหวตออกมามีเสียงเท่ากัน ประธานมีสิทธิ์ขาดชี้ขาด นายยุทธพงศ์ควรเคารพความเห็นของผู้อื่น อย่าเอาเด่นเอาดังอย่างเดียว ควรรับฟังความเห็นของคนอื่นบ้าง อย่าคิดว่าความเห็นของตัวเองถูกเสมอ และเรื่องนี้ยังเหลืออีกหลายขั้นตอน ตอนนี้เป็นเพียงอนถฯ พิจารณาเห็นชอบ ยังเหลือในขั้นตอนของกมธ.ชุดใหญ่ที่ต้องพิจารณาอีก”นายสุพล กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน