“พิชัย นริพทะพันธุ์” ชี้ “ประยุทธ์” ซื้อเรือดำน้ำเท่ากับทำลายทีมเศรษฐกิจใหม่ตั้งแต่เริ่ม ห่วง รัฐบาล ยิ่งกว่าถังแตก แนะ ไก่อูผิดซ้ำซ้อนต้องปลดออก

วันนี้ (24 ส.ค.) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า การส่งออกในเดือนก.ค.มีแนวโน้มติดลบหนัก ทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 น่าจะยังติดลบหนักต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่ติดลบถึง 12.2 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลให้รัฐบาลไม่สามารถเก็บภาษีได้ตามเป้า จึงต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นอีก เป็นสาเหตุที่มีข่าวว่ารัฐบาลถังแตก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน

ในภาวะเช่นนี้ รัฐบาลต้องใช้เงินทุกบาททุกสตางค์อย่างระมัดระวัง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ใช้จ่ายสะเปะสะปะแบบไม่มีทิศทางเหมือนที่ผ่านมา ถึงขั้นต้องเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยกชุด แต่ล่าสุด ส.ส.ฝั่งรัฐบาลยังกล้าโหวตอนุมัติซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท

ซึ่งสิ้นเปลืองและไม่มีเหตุผล ในภาวะเศรษฐกิจที่ประชาชนลำบากอย่างมาก รัฐบาลทำเหมือนไม่สนใจและไม่แคร์ต่อความรู้สึกของประชาชนเลย ทั้งที่สังคมเพิ่งจะตำหนิการซื้อเครื่องบินสำหรับวีไอพีของกองทัพ 1,348.5 ล้านบาท กระแสต่อต้านการซื้อเรือดำน้ำนี้จึงมีมาก เพราะใช้เงินอย่างไม่เกิดประโยชน์ รัฐบาลน่าจะนำเงินดังกล่าวมาฟื้นฟูเศรษฐกิจหรือช่วยประชาชนที่ลำบากมากกว่า

นายพิชัย กล่าวว่า การโหวตอนุมัติการซื้อเรือดำน้ำของ ส.ส.ฝั่งรัฐบาล นอกจากจะแสดงความไม่ฉลาดของรัฐบาลที่ทำให้ประชาชนไม่พอใจแล้ว ยังทำลายความน่าเชื่อถือของทีมเศรษฐกิจที่ปรับเปลี่ยนใหม่ของรัฐบาลอย่างหมดสิ้นตั้งแต่เพิ่งเริ่มทำงาน

เพราะประชาชนต้องสงสัยว่าเหตุใดทีมเศรษฐกิจใหม่ เช่น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน และ นายปรีดี ดาวฉาย รมว.คลัง จึงไม่คัดค้านเรื่องนี้ ถ้าจะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องก็ยิ่งหมดความน่าเชื่อถือ ถ้าไม่สามารถคัดค้านการใช้เงินอย่างสูญเปล่าได้ ทีมเศรษฐกิจก็ไม่มีทางฟื้นเศรษฐกิจได้ และควรลาออกไปตั้งแต่ตอนนี้เลย

นายพิชัย กล่าวว่า เรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ ทำให้คิดถึงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ที่ต่อมากลายเป็นการหลอกลวง และคนที่ออกมาอธิบายแก้ตัวให้กองทัพว่าใช้งานได้ดีคือ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษกรัฐบาล และอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเคยเสนอผังล้มเจ้าใส่ร้ายคนจำนวนมาก ต่อมายอมรับเองว่าผังล้มเจ้าไม่มีจริง

และล่าสุด กรมประชาสัมพันธ์ยังปล่อย 2 คลิป เรื่อง แม่ และเรื่อง ธงชาติ ออกมาสร้างความแตกแยกและใส่ร้ายนักศึกษาและผู้เห็นต่าง จนถูกต่อต้านอย่างมากจนต้องลบคลิปไป และพล.ท.สรรเสริญ ออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง

ทั้งที่มีการใช้โครงข่ายของกรมประชาสัมพันธ์ ดังนั้น ด้วยความผิดซ้ำซ้อนในหลายเรื่อง นายกฯน่าจะต้องพิจารณาปลด พล.ท.สรรเสริญ ออกจากอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แล้ว มิเช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯจะต้องรับผิดชอบในการกระทำของ พล.ท.สรรเสริญ ทั้งหมดไว้เอง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน