ส.ส.ก้าวไกล บุกกองทัพเรือ ฟังแจงเรือดำน้ำ แนะยกเลิกเหมือนซื้อเครื่องบิน F-18 ยุค‘ชวน หลีกภัย’ ทั้งที่จ่ายมัดจำไปแล้ว
วันที่ 24 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ วังนันทอุทยาน นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และประธานวิปพรรคก้าวไกล ที่มานั่งฟังการแถลงข่าวของกองทัพเรือชี้แจงปมจัดซื้อเรือดำน้ำ ให้สัมภาษณ์ว่า การชี้แจงของกองทัพเรือวันนี้ เนื้อหาเหมือนกับตอนที่ชี้แจงในชั้นคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร แต่มีเนื้อหาเพิ่มเติมในส่วนของการตอบโต้นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ซึ่งตนได้เตรียมข้อมูลไว้แลกเปลี่ยนกันในชั้นคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ ซึ่งกองทัพเรือยืนยันว่าจำเป็นต้องรจัดหาเรือดำน้ำ แต่เรามองว่าไม่จำเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาพยายามให้เหตุผล เพื่อโน้มน้าวอนุกรรมการทุกท่าน ในการลงมติ แต่ผลของการลงมติก็เป็นอย่างที่เห็น
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เมื่อถามว่าส่วนตัวยังคงมองว่าต้องผลักดันเรื่องที่ไม่ให้กรรมาธิการลงมติเห็นชอบ นายพิจารณ์ กล่าวว่า แน่นอน จริงๆ แล้วเราอาจจะไม่ได้เรือดำน้ำลำแรก เมื่อปีงบประมาณ 60 ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ไม่ใช่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และถ้าไม่ใช่การผ่านงบประมาณโดยสนช. ตอนนี้ถือว่าเรื่องมันเลยผ่านมาแล้ว ได้ลำที่ 1 มาแล้ว ขณะนี้กำลังพิจารณาลำที่ 2 และลำที่ 3 ซึ่งกองทัพเรือให้เหตุผลเรื่องความมั่นคงหลายประเด็น
ตนคิดว่าบางประเด็น เช่น ประเทศอื่นๆ มีเรือดำน้ำแล้ว ก็อาจต้องมองในเชิงลึก เพราะแต่ละประเทศมีภัยคุกคามที่ต่างกัน มีภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหากถามว่าของประเทศไทยจำเป็นต้องมีขนาดนั้นหรือไม่ ยืนยันว่าอาจจะต้องทบทวน หรือในเรื่องการรักษาผลประโยชน์ ทางทะเล 24 ล้านล้านบาทต่อปี ขีดความสามารถบนน้ำ และทางอากาศ ก็สามารถทำได้เช่นกัน
นายพิจารณ์ กล่าวว่า ประเด็นที่ทุกคนในสังคม โดยเฉพาะส.ส.ฝั่งฝ่ายค้าน ต่างพูดเหมือนกัน คือเราเลื่อนออกไปก่อนได้หรือไม่ ภายใต้สถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งเมื่อปี 2540 ตอนรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ก็เคยทำมาแล้ว ในการยกเลิกสั่งซื้อเครื่องบิน F-18 ซึ่งขณะนั้นมัดจำไปแล้ว
ดังนั้นในครั้งนี้ภายใต้เอกสารข้อตกลงต่างๆ ที่เรามีร่วมกันกับประเทศจีน ก็ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถเลื่อนออกไปได้อยู่ อีกประเด็นคือเมื่อตอนปี 2563 ที่โอนงบประมาณ ทางกองทัพชี้แจงว่าได้เสียสละเลื่อนงวดที่ 1 ออกไป แต่ตนมองอีกมุมหนึ่งว่า ในมติครม.ระบุไว้ว่างบประมาณที่จะต้องใช้ ต้องมีการผูกพันงบประมาณ มีการลงนามเซ็นสัญญา ก่อนวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งแปลว่าโครงการใดที่ไม่ได้เซ็นก่อนหน้านั้น ก็ต้องพิจารณาที่จะปรับลดลงไป
