เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภานิติสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 วงเงิน 2.9 ล้านล้านบาท ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว

โดยนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการฯได้มีการประชุมพิจารณา ร่างพ.ร.บ.มีจำนวน 65 มาตรา พิจารณา 44 ครั้ง ร่วมกับหน่วยงานและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกองทุนหมุนเวียน ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯได้มีการแก้ไขทั้งสิ้น 58 มาตรา และไม่มีคณะกรรมาธิการฯคนใดสงวนคำแปรญัตติ และไม่มีสมาชิกสนช.เสนอการแปรญัตติ นอกจากนี้ ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ยังได้มีการพิจารณาประกอบความเห็นและผลกระทบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลได้เสนอรายงานดังกล่าวให้กับสนช.แล้ว

นายอภิศักดิ์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการฯได้พิจารณาระดับกระทรวง หน่วยงาน โดยคำนึงถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจของหน่วยงานต่างๆเป็นหลัก รวมทั้งได้มีการขับเคลื่อนโครงการสำคัญของรัฐบาลให้เห็นผลประโยชน์ที่ชัดเจนและเห็นผลจริงตั้งแต่ระดับหน่วยงาน ระดับกระทรวง จนถึงระดับชาติ สามารถประเมินผลการดำเนินงานรายจ่ายประจำปี 2561 เพื่อนำรายงานการประเมินผลไปใช้ประกอบการพิจารณางบประมาณในปี 2562 ได้ โดยคณะกรรมาธิการฯได้มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการจำนวน 2 คณะ เพื่อพิจารณางบบูรณาการ และงบประมาณปรับลดทั้งหมดจำนวน 22,163,095,000 บาท

รมว.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯได้ปรับลดโดยคำนึงถึงการตั้งงบประมาณที่ผ่านมาจากโครงการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน หรือโครงการที่มีการโอนย้ายงบประมาณไปแล้ว และได้เปลี่ยนแปลงงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมไปอยู่ในสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก จำนวน 93,105,600 บาท นอกจากนี้โครงการที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจนเราก็ทำการปรับลดเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงาน เช่น การอบรมสัมมนา การศึกษาดูงานต่างประเทศ เป็นต้น รวมทั้งโครงการที่ล่าช้าแทบไม่เห็นความคืบหน้าและปรับโครงสร้างของโครงการที่ใช้วัสดุก่อสร้างเกินความจำเป็น อย่างไรก็ตาม ตนและคณะกรรมาธิการฯพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และพร้อมที่จะตอบข้อซักถามต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯมีสาระสำคัญ คือ งบประมาณรายจ่ายงบกลางจำนวน 97,823,525,500 บาท ซึ่งเป็นงบประมาณในความควบคุมของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในรายการ อาทิ ค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน หรือ เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

สำหรับเนื้อหาในร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯจะมีการจัดสรรงบประมาณแยกเป็นรายกระทรวงแล้ว ยังจัดทำงบประมาณตามแผนงานด้วย เช่น งบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ 500,470,800 บาท งบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 869,303,200 บาท งบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการปฏิรูปกฎหมายและพัฒนากระบวนการยุติธรรม 833,983,900บาท งบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 13,255,744,700 บาท เป็นต้น

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังมีข้อสังเกตและข้อเสนอต่อการจัดงบประมาณด้วย เช่น การเสนอให้กองทัพบกซึ่งมีสถานีวิทยุของกองทัพบกอยู่จำนวนมาก ควรใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนถึงเรื่องราวต่างๆที่มีการบิดเบือนอย่างทันท่วงที รวมทั้งควรใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลและใช้ในการขับเคลื่อนงานของกองทัพบก

เนื่องจากประชาชนในต่างจังหวัดมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นสาระ และควรจัดสรรเวลาเพื่อสื่อสารงานของกองทัพบกให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ทุกหน่วยงานควรกำหนดให้วิสัยทัศน์ของหน่วยงานให้เป็นรูปธรรม ชัดเจนเพียงพอที่จะระบุได้ว่าหน่วยงานต้องดำเนินการอะไรเพื่อให้บรรลุผลสัมฤทธิ์อะไรที่สำคัญต้องปฏิบัติได้จริงและมีกำหนดเวลาที่แน่นอน

จากนั้น เป็นการพิจารณาเรียงตามมาตรา โดยสมาชิกอภิปรายเพียงไม่กี่คน และไม่สมาชิกอภิปรายถึงงบของกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม หรือ กระทรวงมหาดไทย จากนั้นเป็นการลงมติเรียงมาตราในวาระสอง และลงมติในวาระสาม เห็นชอบด้วยคะแนน 200 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 เพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลและประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดย สนช.ใช้เวลาพิจารณา ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยเวลา 4 ชั่วโมง

ภายหลังสนช.ลงมติให้ความเห็นชอบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า สนช. ได้ทำหน้าที่ในนามของรัฐบาลต้องขอขอบคุณสนช.ที่ให้ความเห็นชอบกับงบประมาณ โดยครั้งนี้สนช.ได้ทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน การที่สนช.ได้ให้ความเห็นชอบงบประมาณทั้ง 4 ครั้ง

เมื่อมองย้อนถึงอดีตที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาประเทศที่ผ่านมาเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สำหรับงบประมาณประจำปี 2561 รัฐบาลจะนำไปแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนประเทศไทย รวมไปถึงการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติในอนาคต โดยเฉพาะการแข่งขันกับต่างประเทศและการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ปัญหาความไม่เป็นธรรม แก้ปัญหาบริหารจัดการคุณภาพชีวิต และแก้ปัญหากฎระเบียบต่างๆ

“รัฐบาลขอบคุณคณะกรรมาธิการฯ สมาชิกสนช.ทุกคน และรัฐบาลขอให้ความรับรองว่างบประมาณทั้งหมดที่สนช.ให้ความเห็นชอบ รัฐบาลจะนำไปใช้อย่างคุ้มค่าบนพื้นฐานหลักธรรมาภิบาลและวินัยการเงินการคลัง อยู่บนหลักของกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป” นายวิษณุ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน