พิธา ร่วมรำลึก 44 ปี 6 ตุลา แนะใช้เหตุการณ์เป็นเครื่องเตือนใจรัฐ อย่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน ระบุ หากรัฐยอมถอยจะไม่ซ้ำรอยอดีต

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 ต.ค.2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาร่วมรำลึก 44 ปี 6 ตุลา 19 พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า คงไม่มีเหตุการณ์ใดเป็นเครื่องเตือนใจได้เท่าเหตุการณ์ 6 ตุลา จึงถึงเวลาแล้วที่เราจะเรียนรู้ถึงความอดทนอดกลั้นของคนในสังคม และไม่ว่าจะมีความเห็นต่างทางการเมืองอย่างสุดโต่งมากแค่ไหน ก็ไม่ใช่เป็นข้ออ้างให้รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชนในชาติ ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม โดยเฉพาะช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในขณะนี้

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายพิธา กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ก็จะมีการสร้างวาทกรรม ที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง และความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เหตุการณ์เดือนตุลา และความรุนแรงมักจะเกิดจากผู้มีอำนาจรัฐ เนื่องจากเรามักจะนับจำนวนของผู้สูญเสียได้ แต่ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่เราทราบยอดของคนยิง คนใช้อาวุธ รวมไปถึงคนที่สั่งการ ไม่มีการต้องรับผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พิธา ร่วมรำลึก 44 ปี 6 ตุลา แนะใช้เหตุการณ์เป็นเครื่องเตือนใจรัฐ อย่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน

พิธา ร่วมรำลึก 44 ปี 6 ตุลา แนะใช้เหตุการณ์เป็นเครื่องเตือนใจรัฐ อย่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ในปัจจุบันมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอดีตหรือไม่ นายพิธา มองว่า เหตุการณ์พวกนี้ทำแบบเป็นระบบ เกิดการสร้างกลุ่มคนขึ้นมาสร้างวาทกรรมต่าง ๆ เพื่อที่จะบอกว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่คนไทย มีคนอยู่เบื้องหลังจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐควรได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ และไม่ควรที่จะใช้คำพูดหรือวาทกรรมที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง ทั้งเรื่องวาทกรรมชังชาติ เช่น บอกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีท่อน้ำเลี้ยง เพราะมันล้วนแล้วแต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดความรุนแรง เป็นการโหมฟืนเข้ากองไฟ

นายพิธา กล่าวอีกว่า หากไม่ต้องการให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องกลับไปจุดที่ง่ายที่สุด คือ รัฐต้องคุ้มครองประชาชน ไม่ใช่คุกคามประชาชน หากรัฐยอมถอยทำตามข้อเรียกร้องคือเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนผ่านไปตามครรลองของประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ไม่จำเป็นต้องเลือกทางตัน

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้ผู้นำมีความพยายามที่จะขจัดความขัดแย้งหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าคำพูดจากปากผู้นำก็ดูดี แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม ยังมีหมายจับ มีการจับกุม ซึ่งวันใดที่คำพูด และการกระทำของผู้นำตรงกันวันนั้นตนจะเชื่อ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน