ป.ป.ช. แจงเหตุ ฟัน “นิพนธ์” สมัยนั่ง นายกฯ อบจ. ผิด ม.157 ทำให้ อบจ.สงขลาเสียหาย ยันชัด ต้องแยกกับคดีฮั้ว ส่วน หยุดปฏิบัติหน้าที่ “รมช.มหาดไทย” หรือไม่รอศาล

วันนี้ (7 ต.ค.63) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงถึงการกล่าวหา นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย

เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ว่า ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า วันที่ 10 เม.ย. 2556 อบจ.สงขลา ประกาศ

เรื่องจัดซื้อรถซ่อมบำรุงฯ 2 คัน งบประมาณ 51,000,000 บาท ปรากฏว่าบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล เสนอราคาต่ำสุด 50,850,000 บาท อบจ.สงขลาโดยนายอุทิศ ชูช่วย นายก อบจ.สงขลาขณะนั้น จึงทำสัญญาซื้อจากบริษัท พลวิศว์ฯ

ต่อมาวันที่ 28 ส.ค.56 นายนิพนธ์ รับตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลา และวันที่ 8 ต.ค.56 บริษัท พลวิศว์ฯ ได้แจ้งส่งมอบรถทั้ง 2 คัน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถทั้งสองแล้ว เห็นว่ามีปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วน จึงได้รายงานผลการตรวจรับให้ ปลัด อบจ.

ปฏิบัติราชการแทนนายก อบจ.สงขลา และลงนามรับทราบผลการตรวจรับแล้ว ดังนั้น การตรวจรับรถทั้ง 2 คันจึงดำเนินการถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย และถือว่าบริษัท พลวิศว์ฯ ได้ส่งมอบรถครบถ้วนตั้งแต่วันตรวจรับรถแล้ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ทำเรื่องให้นายนิพนธ์ ลงนามในหนังสือ เพื่อมอบอำนาจให้บริษัท พลวิศว์ฯ จดทะเบียนรถทั้ง 2 คันให้ อบจ.สงขลา แต่นายนิพนธ์ กลับละเว้นไม่ลงนาม ทั้งยังให้ตรวจสอบทดลองระบบต่างๆอีก

วันที่ 7 ม.ค.57 บริษัท พลวิศว์ฯ นำรถทั้ง 2 คันไปทดสอบตามที่นายนิพนธ์ สั่งการ ผลทดสอบปรากฏว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งมากับรถมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ใช้งานซ่อมถนนได้ จากนั้นบริษัทจึงไปจดทะเบียนรถทั้ง 2 คันให้แก่ อบจ.สงขลา

และนำไปใช้ในราชการแล้ว และวันที่ 17 ก.พ.57 เจ้าหน้าที่ได้เสนอเรื่องให้นายนิพนธ์ เบิกจ่ายเงินค่ารถทั้ง 2 คันให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด แต่นายนิพนธ์ กลับละเว้นไม่จ่ายเงินตามสัญญา บริษัทจึงร้องเรียนเรื่องนี้กับสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 15 (สตง.) และจ.สงขลา

ทั้งสองหน่วยงาน แจ้ง อบจ.สงขลาว่า เมื่อดำเนินการทุกอย่างถูกต้องและนำรถมาใช้ในราชการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การที่ อบจ.สงขลายังไม่เบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ขาย จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 (4) และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน

การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ข้อ 64 และเห็นว่าอาจถูกผู้ขายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จึงขอให้อบจ.สงขลา ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

แต่นายนิพนธ์ ก็ยังไม่เบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ฯ ทำให้ทางบริษัทยื่นฟ้อง อบจ.สงขลาต่อศาลปกครอง โดยศาลปกครองสงขลามีคำพิพากษาให้ อบจ.สงขลา ชำระเงินค่ารถทั้ง 2 คันพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมเป็นเงิน 52,062,041 บาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์ฯ

ดังนั้น ป.ป.ช.เห็นว่า ไม่มีผลใดที่จะชะลอการตรวจรับรถ การจดทะเบียน รวมทั้งการเบิกจ่ายให้ และพอผู้ร้องมาร้อง และนายนิพนธ์ทราบเหตุที่ผู้ร้องมาร้องแล้ว โดยหลักถ้ามีพฤติการณ์ฮั้วจะต้องรีบดำเนินการ เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้เกิดความเสียหาย

ป.ป.ช.พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วจึงมีมติว่า การกระทำของนายนิพนธ์ มีมูลความผิดฐานเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

และมีพฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79 ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานไปยังอัยการสูงสุด เพื่อฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจ และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป

นายนิวัติไชย กล่าวว่า ขณะนี้มีบุคคลที่เคยร้องเรียนไปยัง อบจ.สงขลา เมื่อปี 56 มาร้องที่ ป.ป.ช. เรื่องมีการฮั้วเกิดขึ้นในกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 ม.ค.61 ซึ่งการร้องเรียนเรื่องฮั้วนั้น ความจริงเมื่อมีการกระทำเกิดขึ้น จะต้องร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เช่น ป.ป.ช. ป.ป.ท. หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่ทำผิด แต่ปรากฏว่าเพิ่งจะมาแจ้งความหรือร้องให้ดำเนินคดี

ส่วนที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ จะส่งผลกระทบต่อตำแหน่ง รมช.มหาดไทยหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า นายนิพนธ์ ทำผิดขณะเป็น นายก อบจ.สงขลา ดังนั้น ด้วยตำแหน่งดังกล่าว ป.ป.ช.จึงส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อให้สั่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

หากศาลประทับฟ้องแล้วสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นจะเกิดขึ้นว่า ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่กระทำผิดหรือในตำแหน่งอื่นด้วย เนื่องจากขณะนี้นายนิพนธ์ เป็นรมช.มหาดไทย จะต้องหยุดด้วยหรือไม่ ตรงนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย

ที่ตนยังตอบไม่ได้ว่าหากศาลประทับฟ้องเป็นไปโดยตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นไปโดยคำสั่งศาล เพราะศาลอาจแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ามีข้อกฎหมายกำหนดไว้ จึงต้องวินิจฉัยว่าจะกินความไปถึงตำแหน่งขณะกระทำความผิด หรือตำแหน่งอื่นด้วย

เมื่อถามว่าโดยมารยาท นายนิพนธ์ควรทำอย่างไร นายนิวัติไชย กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมที่ผู้ถูกกล่าวหา จะต้องพิจารณาเอง ป.ป.ช. ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว ส่วนที่นายนิพนธ์ ยื่นพยานหลักฐานจากต่างประเทศเกี่ยวกับการฮั้วประมูลเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช. จะนำมาพิจารณาหรือไม่

นายนิวัติไชย กล่าวว่า หากยื่นมา ป.ป.ช.จะพิจารณาให้ เพื่อดูข้อเท็จจริงในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการป.ป.ช. การแถลงข่าวครั้งนี้เป็นไปตามมติให้แถลงข่าวมติชี้มูลความผิดนายนิพนธ์ อยากให้เข้าใจว่าเรื่องนี้ต้องแยกกันคือ ประเด็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเป็นเรื่องหนึ่ง ประเด็นเรื่องการฮั้วประมูลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน