เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2563 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคี วัดเจดีย์หลวง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และกล่าวปราศรัยในงานว่า ตนได้วางมือจากการเมืองมาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังสนใจติดตามปัญหาของบ้านเมืองโดยตลอด ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ เพราะขณะนี้เป็นที่รับรู้กันว่า สถานการณ์บ้านเมืองของเรา กำลังมีปัญหาเกิดขึ้นในหลายด้าน คือ

1.ปัญหาโรคระบาด แม้ว่าเราจะบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ไม่มีผู้ติดเชื้อยาวนานพอสมควร ต้องขอบคุณ อสม.ที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการต่อต้านการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้ว่าสถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้านของเรายังไม่น่าไว้วางใจก็ตาม

2.ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ต้องยอมรับสภาพว่าในประเทศของเรา ต้องพึ่งพารายได้จากต่างประเทศ ไม่ว่าด้านการส่งออก และการท่องเที่ยว เป็นสัดส่วนที่สูงมาก เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศลดลง จนไม่มีนักท่องเที่ยวเลย แม้ว่ารัฐบาลจะเปิดโครงการนำร่องการท่องเที่ยวแล้วแต่ก็ตาม ยังมีนักท่องเที่ยวในสัดส่วนที่น้อยมาก ส่วนปัญหาเศรษฐกิจของพี่น้องแถวนี้ คือปัญหาราคายางยางพารา ราคาปาล์ม ปัญหาการประมง ยังเป็นปัญหาที่รัฐบาลพยายามเยียวยา และหาแนวทางแก้ไขอยู่

3.ปัญหาการเมือง ยังคงมีการเคลื่อนไหว มีการชุมนุม มีความแตกต่างความขัดแย้งทางความคิดพอสมควร ปฎิเสธไม่ได้ว่า วันนี้มีคนรุ่นใหม่ รุ่นลูกหลานของเรา ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความแตกต่างจากคนรุ่นเก่าที่เคยคิดกันมาในอดีต สิ่งที่ดีที่สุด คือรัฐบาลต้องอดทนรับฟังความเห็น และพร้อมจะแก้ไขปัญหาเพื่อจะให้บ้านเมืองเดินไปได้

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ ไปพบปะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในโอกาสแจกบัตรสมาชิกให้กับผู้สมัครสมาชิกพรรครุ่นใหม่ ที่สำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และกล่าวปราศรัยว่า การชุมนุมของนักศึกษาในวันที่ 14 ต.ค. เชื่อว่าเขามีความคิดเป็นของตัวเอง รู้เรื่องเหตุบ้านการเมือง และมีความคิดที่แตกต่าง อยากที่จะเปลี่ยนแปลง สิ่งต่างๆที่มีการเรียกร้อง ถ้าเราคิดแต่จะห้ามแล้วไปกดเอาไว้ เชื่อว่าวันนี้อาจจะจบไป แต่อีกไม่นานมันจะกลับมา

สิ่งที่ตนพูดมาตลอดว่าจำเป็นต้องรับฟังแล้วหาแนวทางที่จะเป็นทางออก อะไรที่มีเหตุมีผลเราก็ดึงเขาเข้ามามีส่วนร่วมทำด้วยกัน หรืออะไรที่ดูแล้วไม่ใช่ก็สามารถอธิบายกันได้อย่างมีเหตุและผล แต่ไม่ใช่มาปลุกระดมสร้างความเกลียดชัง ในที่สุดจะนำไปสู่ความขัดแย้ง ความรุนแรง

ตนยังหวังว่าข้อเรียกร้องที่เกี่ยวกับการเมืองอย่างการแก้รัฐธรรมนูญที่เราเห็นข้อบกพร่องมาตั้งแต่แรก และตนเป็นคนชัดเจนตั้งแต่วันที่จะมีการทำประชามติแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ควรช่วยกันหาทางแก้ไขให้มีกติกาที่ทุกฝ่ายยอมรับ เมื่อทำเรื่องนี้แล้วเชื่อว่าประเด็นอื่นๆจะมีความเจือจางลง

เสียดายแค่ว่าตอนนี้รัฐบาลไม่ได้ส่งสัญญาณให้ชัด โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังดูเหมือนว่าจะไม่เข้าอกเข้าใจในข้อเรียกร้องของกลุ่มเคลื่อนไหว เรื่องการเมืองถ้าอยากให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ คงต้องช่วยกันคิด ปรับทุกอย่างเข้าหากัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน