กลุ่มรามฯป้องสถาบัน แจงทุ่มลำโพงใส่ นศ.ราม ชี้ เด็กเดินสะดุดล้มเอง ขอโทษสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะถูกยั่วยุ ประกาศนัดม็อบใหญ่ป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ 9 พ.ย.

วันนี้ (4 พ.ย) ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง กลุ่มภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นำโดย นายพานสุวรรณ ณ แก้ว นายสมเดช คงวิจิตร์ นายทศพล มนูญญรัตน์ นายทินกร ปลอดภัย ได้จัดแถลงข่าวชี้แจงถึงกรณีการปะทะกับเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จนมี นศ.ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา พร้อมประกาศจุดยืนระดมพลปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยได้นัดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 9 พ.ย. ที่จะถึงนี้

นายพานสุวรรณ กล่าวว่า ในนามของภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเราต้องขอโทษสังคมที่เกิดเหตุความรุนแรงขณะใส่เสื้อเหลือง เรายอมรับว่าทำผิดพลาด ตกเป็นเหยื่อของความยั่วยุของอีกฝ่าย โดยความตั้งใจกระทำของอีกฝ่าย วันนี้พวกเราเลยต้องมาพูดความจริง ที่ในโซเชียล ได้ลงข่าวบิดเบือน และตัดต่อภาพ กล่าวอ้าง ซึ่งมีผลกระทบต่อพวกเรา

“งานวันดังกล่าว พวกผมประกาศจะจัดงานมาเกือบอาทิตย์แล้วนะครับ สื่อหลายช่องเอาไปลงแล้ว ว่าเราจะแถลงข่าวกัน แต่เราเพิ่งมารู้ภายหลังว่า กลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีรุ่นพี่ รุ่นใหญ่ ที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองบางพรรคอยู่เบื้องหลัง เขากลับประกาศจัดงานวันเดียวกับเรา”

ทั้งนี้ยังกล่าวอีกว่า พวกตนมีหลักฐานว่า เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้นำบุคคลภายนอกเข้ามาแสดงพฤติกรรมที่มีลักษณะของการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เหตุการณ์วันนั้น เราทำเพื่อขับไล่ให้ออกมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีเจตนาที่จะยั่วยุหรือใช้ความรุนแรงใดๆ พวกเราพร้อมต่อสู้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ตามกฎหมาย จะไม่ใช้วิธีการแบบกลุ่มคณะราษฎร ที่ได้เอามวลชนไปปิดล้อม สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่ผ่านมา

นายพานสุวรรณ ยังเปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 9 พ.ย. เวลา 16.00 น. ภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัติรย์ จะมีการจัดชุมนุมใหญ่ที่ลานพ่อขุนรามคำแหง เพื่อทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะในรัชสมัยปัจจุบัน

นายพานสุวรรณ กล่าวถึงกรณีทุ่มลำโพง ใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็น นศ.ผู้หญิงว่า โซเชียลมีเดียลงภาพบิดเบือน ทั้งที่สื่อมวลชนหลายสำนักบันทึกภาพและกล้องวงจรปิดของมหาวิทยาลัย บันทึกภาพได้ชัดเจน ว่า ‘น้องแบม’ นศ.มหาวิทยาลัยรามคำแหงชั้นปีที่ 1 อายุ 18 ปีพิธีกรงานเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินสะดุดล้มเอง ไม่ได้โดนลำโพงทุ่มใส่ อย่างที่มีการกล่าวอ้าง (ชมคลิปนาทีทุ่มลำโพง)

ด้านนายทินกร กล่าวว่า เราปล่อยให้สถานการณ์ล่วงเลยมา เพราะอยากรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะทำอะไรกับกลุ่มเรา และตนโดนเยอะสุดในโลกโซเชียล แต่ก็ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับ และยืนยันจะเดินหน้าสู้แบบชนิด “ตาต่อตาฟันต่อฟัน” แต่จะสู้ภายใต้กฎหมายและความชอบธรรม

ทั้งนี้ยังเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ว่า เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นจากการมีเด็กในชุดเนตรนารี 6-7 คน มายืนด่าพวกเราอยู่หน้าเวที และบางคนก็หน้าแก่เกินกว่าที่จะเป็นเนตรนารีด้วย ซึ่งเราใช้สันติวิธีโดยเข้าไปอธิบายและสอบถามพฤติกรรมเนตรนารีกลุ่มนั้น

และตนก็เดินไปถามแกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งชื่อกุ๊ก เรารู้จักกันดี ว่านำคนภายนอกมาชุมนุมจาบจ้วงสถาบันโดยอ้างชื่อมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้อย่างไร ซึ่งตนอาจจะพูดเสียงดัง และพูดด้วยอารมณ์ไปหน่อย และแกนนำฝ่ายตรงข้ามก็ลงจากเวทีทิ้งน้องๆนักเรียนอยู่ตรงนั้น ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้รับไม่ได้

นายทินกร กล่าวอีกว่า จากนี้ไปในฐานะศิษย์เก่ารามคำแหง ไม่ยอมให้นักการเมือง กลุ่มใด มาหลอกใช้นักศึกษารามคำแหง แสดงพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน ไปทำที่อื่นไม่ว่า แต่ถ้ามาใช้ใน ม.รามคำแหง ก็พร้อมจะสู้ทุกรูปแบบ และจะเดินไล่รื้อทุกเวที

ด้านนายทศพล กล่าวว่า ได้รับผลกระทบจากกระแสโจมตีที่เกิดขึ้น ส่วนตัวไม่ได้กัลว หรือหวาดระแวงอะไร เพราะเป็นอาชีวะ จบมาหลายปีแล้ว และสิ่งที่ตนทำไปทุกอย่าง เพื่อปกป้องสถาบัน เพราะทุกวันนี้ไม่เห็นความชอบธรรมในการปฏิรูปสถาบัน เห็นมีแต่การจาบจ้วง และคนไทยโกรธไม่เหมือนกัน ตนอาจจะโกรธมาก คนอื่นอาจจะโกรธน้อย และยอมรับการกระทำที่จาบจ้วงไม่ได้

ทั้งนี้ นายทศพลเชื่อว่าพรรคก้าวไกล อยู่เบื้องหลังของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ถ้าวันใดตนเห็น ตนก็จะไม่เอาไว้ ตนจะสู้กับผู้ที่มีความจัญไรในประเทศนี้ ตนรับไม่ได้ ตนไม่เคยอยู่ในเมืองไทยแล้วมีความสุข พวกคุณก็ควรออกไป ประกาศชัดเจน เจอที่ที่ไหนก็ไม่เอา สู้ทุกรูปแบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้สวมใส่เสื้อสีเหลืองประกาศด้วยว่าจะมีการจัดเวทีปกป้องสถาบัน ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก ในวันที่ 9 พฤศจิกายน เวลาประมาณ 16.00 น. เป็นต้นไป เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องศาสตร์พระราชาแก่นักศึกษา และเชิญชวนผู้ร่วมงานร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน คาดว่าจากการจัดงานดังกล่าวจะทำให้เยาวชนตื่นตัวได้ถึง 90 %

ขอบคุณคลิปจาก : Voice TV


 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน