“อภิสิทธิ์” เชื่อ ถ้า “บิ๊กตู่” ส่งสัญญาณ “แก้รัฐธรรมนูญ” รวมถึงเรื่องปฏิรูปสถาบัน จะช่วยผ่อนคลายการชุมนุม แม้ไม่ลาออกจากตำแหน่งก็ตาม

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 13 พ.ย.2563 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงโครงสร้างคณะกรรมการสมานฉันท์ ที่จะมีอดีตนายกฯ เข้าร่วมว่า

ทราบว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ได้พูดคุยเบื้องต้นเพื่อสอบถามความคิดเห็น และขอความร่วมมือหากต้องดำเนินการใดเท่านั้น ปัญหาที่คนคาดหวังคือการคลี่คลายสถานการณ์

อาจต้องเริ่มต้นดูท่าทีวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ เรื่องการแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญว่าจะมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดได้อย่างไร เพราะการเอาทุกฝ่ายมานั่งคุยกัน คงไม่ง่าย คณะกรรมการจะมีส่วนแก้ปัญหาได้ ต้องนำข้อเรียกร้องทุกข้อมาพิจารณาให้ครบถ้วน

และต้องให้ความมั่นใจว่าเมื่อมีกลไกนี้ขึ้นมาแล้ว จะทำให้มีข้อสรุปในทางปฏิบัติได้ เพราะนับเป็นเรื่องยากที่ผู้ชุมนุมจะมาเข้าร่วมหากบางเรื่องที่เขาเรียกร้องกลับไม่ได้แสดงความคิดเห็น หรือคิดว่ากลไกนี้ไม่มีผลอะไรเพราะผู้มีอำนาจไม่เห็นด้วย จึงเป็นภาระหนักของประธานว่าจะทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องบอกว่าสิ่งสำคัญกว่าคือการแก้ปัญหา ไม่มีกรรมการแล้วปัญหาคลี่คลาย ก็ดีกว่ามีกรรมการแล้วปัญหาแก้ไม่ได้ ฉะนั้นต้องตั้งเป้าหลักว่าอะไรทำให้คลี่คลายได้ อย่าเอาตัวรูปแบบกรรมการหรือกลไกมาเป็นตัวตั้ง

ส่วนข้อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกฯ ลาออกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะตัดสินใจ ส่วนตัวมองว่าข้อเรียกร้องมีลักษณะที่แปลก ขณะที่บอกให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก อีกข้อเรียกร้องบอกว่าต้องการเห็นกติกาแก้ไขให้ดีขึ้น

กล่าวคือ การที่นายกฯลาออกหรือยุบสภาก็ยังใช้กติกาเดิม ทั้งมีความเสี่ยงที่จะวนกลับมาอยู่ในสถานการณ์เดิม ส่วนความเห็นผู้ชุมนุมที่บอกว่านายกฯ มีส่วนทำให้สถานการณ์ลำบากมากขึ้น ตนก็เสนอว่านายกฯควรมีบทบาทมากขึ้น ว่าจะช่วยแก้สถานการณ์อย่างไร

เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ต้องยอมรับว่าสัญญาณจากฝ่ายรัฐบาลสับสนมาก กระทั่งร่างที่จะพิจารณาในวันที่ 17-18 พ.ย. ก็คาดหมายได้ว่าจะไม่ผ่านทุกร่าง ถ้าเราอยากได้กติกาใหม่ก็ต้องมาร่วมกันผลักดันให้เกิดขึ้น และเป็นรูปธรรมให้เร็วที่สุด รวมถึงมุ่งไปที่ข้อขัดแย้งเป็นหลัก หากพล.อ.ประยุทธ์ไม่ลาออกแต่สามารถช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ บรรยากาศก็ผ่อนคลาย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แต่ข้อเรียกร้องทั้งหลายยังไม่มีการลดช่องว่างของแต่ละฝ่าย เช่น ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อประชาชน ปัญหาการดำเนินคดีความที่สะสมมากขึ้น เรื่องรัฐธรรมนูญที่ยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะผ่านทั้ง 7 ร่าง และประเด็นที่เกี่ยวกับสถาบัน

ซึ่งไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าจะมีความพยายามเอาเรื่องนี้ออกมาจากความขัดแย้ง มีแต่ปล่อยไปตามที่เป็นอยู่ และอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้น ยิ่งช้าปัญหาก็จะแก้ยากมากขึ้น เพราะจะมีเงื่อนไขใหม่ๆ มาเป็นปมขัดแย้งอีก

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า พูดตรงๆ ว่าการแก้รัฐธรรมนูญนั้น คนส่วนใหญ่มองว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์ออกแรงอย่างไรก็ผ่าน ฉะนั้นวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ค่อนข้างสำคัญ ตนอยากเห็นนายกฯและรัฐบาลเป็นผู้นำในการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ได้ยินข้อเรียกร้องของประชาชน ในเรื่องกติกาที่สังคมต้องการความเป็นธรรม และเป็นประชาธิปไตยแบบสากลมากขึ้น โดยไม่ได้กระทบกับรูปแบบของรัฐ


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน