พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดใจหลังโดนกลุ่มมวลชนปกป้องสถาบัน จ.อยุธยา ล้อม และโห่ไล่ ยันทุกคนพูดคุยกันได้อย่างสันติ ยันปฏิรูป ไม่ใช่ล้มล้าง

วันที่ 15 พ.ย.2563 พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคฯ, อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, ธีรัจชัย พันธุมาศ และ ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา ตามโครงการก้าวไกลสัญจร ในการเดินทางครั้งนี้มีทั้งกลุ่มที่มารอต้อนรับ และกลุ่มใช้ชื่อว่ากลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ ซึ่งมารอพูดคุยกับคณะ ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่บริเวณหน้าวัดใหญ่ชัยมงคล

พิธา กล่าวว่า จากการได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้ นอกจากจะมีความเห็นต่างกันแล้ว ก็ยังเห็นร่วมกันในประเด็นที่ว่า รัฐสภาต้องเป็นต้นแบบในการเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะและมีความปราณีต เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับประชาชนดีขึ้นในยุคสมัยที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไป

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ซึ่งประเด็นเหล่านี้หากถูกพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะและพูดคุยกันได้ในพื้นที่ปลอดภัย จะส่งผลให้การเมืองมีความนิ่ง ประเทศไทยสามารถมีสมาธิในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนกลุ่มปกป้องสถาบันฯ ยังได้ฝากการบ้านให้ผลักดันเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งตนได้รับฟังและพร้อมนำปัญหาความเดือดร้อนเหล่านี้ไปแก้ไขผ่านกลไกรัฐสภา หรือในคณะกรรมาธิการพลังงานที่มี ส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นคณะกรรมาการอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยลดต้นทุนค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน

“ได้รับทราบว่ามีประชาชนกลุ่มคนรักสถาบันฯ มารวมตัวกันที่หน้าวัดใหญ่ชัยมงคล และมารอกลางแดดกันเป็นเวลานาน ผมเข้าใจในความกังวลของทุกคนในเรื่องที่มีความอ่อนไหวเช่นนี้ดี ซึ่งผมก็เคารพทุกคน และในฐานะที่เป็นผู้แทนของประชาชนทุกคนปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เพราะการพูดคุยเป็นหนทางในการรับฟังความเห็น รับรู้ความต้องการของประชาชนที่มีความคิดเห็นต่างๆ อย่างสันติวิธี

พอได้พูดคุยก็ได้รับทราบว่าพวกเขามีความกังวลใจเรื่องข้อเสนอให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผมได้อธิบายด้วยเหตุด้วยผล ได้นำข้อเท็จจริงมาพูดคุยกัน รวมทั้งบอกว่าการปฏิรูปไม่ได้เท่ากับการล้มล้างสถาบันฯ ที่ผ่านมาความไม่เข้าใจอาจเกิดจากการที่ไม่ได้มีพื้นที่พูดคุยกัน ทำให้มีประชาชนเข้าใจผิดและอนุมานไปในอีกทางหนึ่งที่คิดว่าการปฏิรูปคือการล้มล้าง แต่ที่จริงแล้วต้องยืนยันว่าการปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง” พิธากล่าว

พิธา ยังได้ฝากให้ทุกคนติดตามการอภิปรายในสภา วันที่ 17-18 พ.ย. ที่จะมีการพิจารณาและลงมติ ร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ แต่ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี รัฐบาลและองคาพยพทั้งหมดมีจุดยืนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สร้างความสับสันให้กับสังคม ยิ่งไปกว่านั้น การผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับเพื่อเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หนทางนี้จะเป็นทางออกของประเทศมากกว่าการตั้งคณะกรรมการคณะไหนทั้งสิ้น แม้แต่การตั้งคณะกรรมการปรองดองก็ตาม

สำหรับการมาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งนี้ หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า มีเหตุผลด้วยกัน 2 ประการ คือ

1.รับทราบว่าขณะนี้พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ ทั้งจากราคาพืชผลทางเกษตรที่ตกต่ำเป็นอย่างมาก รวมทั้งพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดอยุธยาเจอกับปัญหาขยะ ที่เป็นปัญหาสะสมมานาน

2.ได้รับรายงานปัญหาเกี่ยวกับโครงการ ‘คนละครึ่ง’ ของรัฐบาล จึงตั้งใจเดินทางมารับฟังเพื่อหาแนวทางแก้ไขและจะใช้กลไกรัฐสภาผลักดันการช่วยเหลือต่างๆให้เกิดผลมากที่สุด

นอกจากนี้ อดีตพรรคอนาคตใหม่ยัง ได้เคยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดอยุธยาถึง 6 หมื่นเสียง ในฐานะผู้แทนของทุกคนจึงตั้งใจมารับฟังปัญหาด้วยตนเองเพื่อนำไปสู่การแก้ไขและออกแบบนโยบายต่างๆต่อไป แม้วันนี้พวกเราจะไม่ใช่รัฐบาลแต่ยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ทำตามในสิ่งที่เคยหาเสียงไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ จะไม่ทิ้งพี่น้องประชาชนอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน