เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการเตรียมการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ความคืบหน้าการจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศดำเนินการเรียบร้อยแล้วเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

ส่วนการจัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง เพื่อให้ประชาชนเข้าถวายดอกไม้จันทน์ เป็นพื้นที่ที่ใกล้กับมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยจัดสร้างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ พระลานพระราชวังดุสิต จำนวน 1 แห่ง สี่มุมสนามหลวง จำนวน 4 แห่ง คือสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คอกวัว, สวนนาคราภิรมย์, ลานปฐมบรมราชานุสรณ์รัชกาลที่ 1 (เชิงสะพานพุทธฯ) ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และตามสี่มุมเมืองกรุงเทพมหานคร อีก 4 แห่ง คือ สนามกีฬากองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) พุทธมณฑลศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนาและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

นอกจากนี้ ได้จัดสร้างซุ้มถวายดอกไม้จันทน์ขนาดใหญ่และขนาดกลางตามวัดและสถานที่ต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 104 แห่ง และในส่วนภูมิภาคดำเนินการจัดสร้างในจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ทั่วประเทศ รวม 878 แห่ง ซึ่งทั้งหมดแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยกระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครได้จัดเตรียมดอกไม้จันทน์ ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ได้จัดพื้นที่สำหรับประชาชนจอดพักรถในพื้นที่ 4 มุมเมือง และเดินทางต่อโดยรถโดยสารรถไฟ และเรือที่ให้บริการรับส่งประชาชนฟรี ได้เตรียมความพร้อมด้านหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รถฉุกเฉินรถเข็นวีลแชร์ รถสุขาเคลื่อนที่ รถดับเพลิง และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ให้เพียงพอกับจำนวนประชากร เพื่อความสะดวกด้านการจราจร ประชาชนที่จะมาถวายดอกไม้จันทน์ในบริเวณโดยรอบสนามหลวง ณ พระเมรุมาศจำลอง

โดยนายกฯกำชับให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง อาหาร น้ำดื่ม และการดูแลรักษาพยาบาลประชาชนและผู้ที่มาร่วมงาน โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมั่นตรวจสถานที่จัดพิธีทุกพื้นที่ให้มีความพร้อม มีความเหมาะสม และปลอดภัยทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาครวมทั้งให้ดูแลด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน อาจมีสัตว์มีพิษชุกชุม จะต้องจัดเตรียมสถานที่ให้มีความสะอาด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

สำหรับการจัดริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ กองบัญชาการกองทัพไทยเตรียมกำลังพลทั้งหมดจำนวนกว่า 5,600 นาย โดยมีกำหนดการฝึกซ้อมในวันที่ 7 ต.ค. ฝึกซ้อมย่อย ริ้วขบวนที่ 1 2 และ 3 พื้นที่จริง วันวันที่ 15.ต.ค. ซ้อมย่อยริ้วขบวนที่ 1 2 3 4 และ 5 ในพื้นที่จริง วันที่ 21 ต.ค. ฝึกซ้อมใหญ่ ริ้วขบวนที่ 1 2 3 4 และ 5 พื้นที่จริง วันที่ 22 ต.ค. ฝึกซ้อมริ้วขบวนยานยนต์ ริ้วขบวนที่ 6 พื้นที่จริง โดยการรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจรฯได้เตรียมความพร้อมในเรื่องการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาร่วมถวายดอกไม้จันทน์ทั้งในพื้นที่โดยรอบสนามหลวง และพื้นที่ถวายดอกไม้จันทน์ทุกแห่ง

นายพัชราภรณ์ กล่าวว่า ส่วนการแสดงมหรสพสมโภชเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ ประกอบด้วย การแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม (หน้าพระเมรุมาศ) เรื่องรามเกียรติ์ ชุดพระราม ข้ามสมุทร-ยกรบ-การแสดงรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นการแสดงโขนตอนหนึ่งที่สำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งเป็นเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญตั้งแต่พระรามยกไพร่พลวานรข้ามมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล โดยประพันธ์บทขึ้นใหม่ เพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

การแสดงมหรสพสมโภช ณ เวทีกลางแจ้งบริเวณสนามหลวงด้านทิศเหนือได้กำหนด การแสดง 3 เวที ได้แก่ เวทีที่ 1 การแสดงหนังใหญ่เบิกหน้าพระ การแสดงโขนหน้าจอ และโขนชักรอก เรื่องรามเกียรติ์ เวทีที่ 2 การแสดงละคร (เรื่องพระมหาชนก อิเหนา มโนห์รา) หุ่นหลวง หุ่นกระบอก และเวทีที่ 3 การบรรเลงดนตรีสากล และการแสดงบัลเลต์ โดยแสดงตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.เวลา 18.00-เวลา 06.00 น. ของเช้าวันที่ 27 ต.ค.นี้

การจัดนิทรรศการภายหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมพระเมรุมาศ ซึ่งมีความสวยงามด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และนิทรรศการพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานเพื่อความผาสุกและความกินดีอยู่ดีของประชาชน รวมทั้งเปิดอาคารเก็บราชรถ (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ) ให้ประชาชนได้เข้าชมพระยานมาศ และพระราชรถที่ใช้ในงานพระราชพิธี ให้ประชาชนเข้าชมด้วย โดยจะเริ่มเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 2-30 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. ที่ท้องสนามหลวง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน