คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
ไวรัส โควิด – ไม่ว่าจะเรียกว่าแพร่ระบาดรอบใหม่ ไม่ว่าจะเรียกว่าการแพร่ระบาดระลอก 2
แต่ปะทุแห่งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในเดือนธันวาคมที่เริ่มจากเชียงราย เชียงใหม่ ตามมาด้วยสมุทรสาครในห้วงก่อนการเลือกตั้งนายกอบจ.เพียง 1 วัน
สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงระลอกใหม่
แม้ว่าสังคมประเทศไทยจะเคยเผชิญและสะสมประสบการณ์จากมาตรการ “ล็อกดาวน์” โดยพร้อมเพรียงกันในเดือนมีนาคมมาแล้วอย่างหนักหนาและสาหัส
กระนั้น ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็ยังตามมาหลอกหลอน
เป็นความหวาดหวั่นพรั่นพรึงในหลายมาตรการเข้มซึ่งต้องเผชิญประสบโดยตน
อย่างแรกที่สุด สังคมไทยรับรู้ถึงการดำรงคงอยู่ของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนับแต่เดือนมีนาคมเรื่อยมาด้วยความเข้มข้น
เข้มข้นกระทั่งเดือนธันวาคมที่กำลังจะจากไป
น่าสังเกตว่า ความเข้มข้นนี้มิอาจสกัดขัดขวางการนำเข้าไวรัสโควิดโดยผ่านช่องทางธรรมชาติของเชียงราย และรวมถึงการโผล่ขึ้นอย่างอึกทึกที่สมุทรสาคร
ไม่ว่าทหาร ไม่ว่าตำรวจ มิอาจห้ามไวรัสได้
อย่าได้แปลกใจที่แม้ว่ากรุงเทพมหานครมิได้เป็นจุดเริ่มต้น แต่ก็ต้องเพิ่มมาตรการ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ มาตรการอันมาจากกรุงเทพมหานครให้งดการจัดงานในเทศกาล เคานต์ดาวน์ ห้วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่โดย สิ้นเชิง
บรรยากาศรื่นเริงต้องหายไปราวกับปลิดทิ้ง
มีความเป็นไปได้ว่า หากไม่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายจากสมุทรสาครหรือจากเชียงรายลงได้การติวเข้มห้างร้านเหมือนที่เคยเกิดเมื่อเดือนมีนาคมจะต้องหวนกลับมาอีก
นั่นย่อมกระทบกระเทือนไปถึงสภาพทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าในเดือนธันวาคม ต้อนรับปีใหม่ในเดือนมกราคมจึงไม่สู้คึกคักนัก
แม้ทุกคนจะมีประสบการณ์ในการรับมือกับไวรัสโควิดมาแล้วไม่น้อย แต่ทุกคนก็ทอดตามองไปยังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยความไม่มั่นใจ
ไม่มั่นใจในมาตรการ ไม่มั่นใจในผลสะเทือนที่จะติดตามมา