แม้ว ชี้ม็อบเยาวชนรวมตัวควรรับฟัง พ้อ ถูกมองเป็นท่อน้ำเลี้ยง แนะรัฐบาล พาประเทศเดินหน้าเปิดโครงสร้างเอื้อคนมีคุณภาพทำงาน ยกเคสไทยรักไทยชนะ

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนว่า การที่คนมารวมตัวกันแล้วสะท้อนความคิดเห็นเป็นสิ่งที่ควรรับฟัง แต่อะไรทำได้หรือไม่ได้ต้องอธิบายกันไป บางครั้งไม่ฟังเกินไปก็ทำให้เกิดการต่อต้าน แต่ถ้าฟังมากไป โดยไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้ ทุกอย่างมีเหตุมีผล ดังนั้นใครพูดอะไรก็มาฟัง ถ้าทำได้ก็ทำ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องอธิบายต้องมีการส่งสารที่ชัดเจนด้วย

ส่วนที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงม็อบเยาวชนนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้วคิดไม่ออก ก็ต้องคิดถึงผมไว้ก่อนอยู่แล้ว นี่ 10 กว่าปีแล้วนะ ลำพังผมอยู่เมืองนอกค่าใช้จ่ายก็สูงอยู่แล้ว ก็ต้องทำมาหากินอยู่เมืองนอก แล้วถามว่าผมได้อะไร

บางทีบางครั้งคนก็ว่าไปเรื่อยเปื่อย มันไม่เกี่ยวกับผม ชีวิตผมนั้นเป็นชีวิตที่อิสระแล้ว เพียงแต่ว่าใจมันยังรักประเทศอยู่ ห่วงใยประชาชนไม่อยากให้เขาลำบากเท่านั้นเอง ยังเคารพสถาบันสูงสุดอยู่ตลอดเวลาไม่เปลี่ยนแปลง”

ทั้งนี้ มองการเมืองปี 2564 ว่า ก็คงไม่ไปไหนจนกว่าข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมจะได้รับการแก้ไขในมุมกว้าง และทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งการเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ก็อยู่ที่ไบเบิลของมันก็คือรัฐธรรมนูญ

นายทักษิณ ยังกล่าวถึงข้อเสนอให้รัฐบาลที่จะทำให้ประเทศไทยหลุดจากหล่มไปสู่อนาคตว่า โครงสร้างการบริหารจัดการจะต้องเป็นโครงสร้างที่เอื้ออำนวยให้เกิดคนที่มีคุณภาพเข้ามาทำหน้าที่บริหาร ถ้าเป็นระบบการเมืองที่อ่อนแออย่างนี้จะมีโควต้าในโควต้านั้นๆ ก็จะมีคนคุมโควตาอยู่จะกลายเป็นว่าเราไม่สามารถจัดการอะไรได้

สังเกตได้จากสมัยที่พรรคไทยรักไทยได้รับชัยชนะมาก ทำให้เราเลือกคนได้เยอะขึ้น จึงทำให้ได้คนที่สามารถบริหารจัดการได้มาช่วยทำงาน อันนี้อยู่ที่การเมืองไม่ได้อยู่ที่ตน เพราะตนไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไร แต่เป็นจังหวะที่รัฐธรรมนูญแข็งแรง เราต้องทำให้โครงสร้างทางกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญเอื้ออำนวยให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารจัดการประเทศ

แล้วต้องสร้างบรรยากาศเศรษฐกิจให้เกิดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมากขึ้น มีกิจกรรมที่ทำให้คนสามารถทำมาหากินได้ แล้วค่อยพัฒนาคุณภาพทางเศรษฐกิจให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นต่อไป จากนั้นขั้นตอนตอนต่อไปคือการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้ช่องว่างทางรายได้ลดลง

โดยระยะยาวที่ต้องเริ่มต้นเลยคือเรื่องของระบบการศึกษาในเรื่องของเทคโนโลยีที่ต้องเร่งปรับปรุงโดยด่วน สุดท้ายคือต้องทำทุกเรื่องด้วยความรู้เท่าทันทุนนิยมโลก และต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่จะเข้ามาแย่งชิงผลประโยชน์ให้กับประเทศ

เมื่อถามว่า ยังมีคนในตระกูลชินวัตรที่จะเข้ามาลงเป็นผู้นำการเมืองอีกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “พอก่อน ตอนนี้คงต้องร้องเพลงเจ็บนี้อีกนาน” เมื่อถามว่า ออกจากประเทศไปนาน ได้มีการพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ว่าเมื่อไรจะกลับมา

นายทักษิณ กล่าวว่า “ถามว่าอยากกลับประเทศหรือไม่ ผมอยากกลับมาเลี้ยงหลานของผม วันนี้ผมมีหลาน 3 คน และกำลังจะมีคนที่ 4 ในเดือนหน้านี้แล้ว ผมแก่แล้วอยากเลี้ยงหลาน ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ตอนนี้ใครอยากจะขอคำปรึกษาหรืออะไรก็ตามในฐานะที่ผมเคยเป็นอาจารย์เก่า ผมชอบอธิบายและสอนคนอยู่แล้ว ผมก็สามารถทำหน้าที่พวกนี้ได้

แต่เรื่องการเมืองนั้น ผมแก่แล้ว วัย 72 ปีจะไปนั่งทำการเมืองอะไรอีก มีแต่ห่วงบ้านเมืองเท่านั้นเอง แต่จะกลับเมืองไทยเมื่อไรนั้น ไม่ใช่ผมเป็นคนกำหนด ผมไม่ได้เป็นคนกำหนด” เมื่อถามย้ำว่าแต่อยากกลับใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน ผมอยากเลี้ยงหลาน วัยของผมนี้เรียกว่าวัยรักลูกหลงหลาน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน