“มาร์ค” บ่นเสียดาย รัฐธรรมนูญถูกคว่ำ หวั่น เป็นระเบิดเวลา รอการปะทุ แนะรัฐบาล คิดถึงโครงสร้างระะยาว อย่าเอาความสะดวกทางการเมืองระยะสั้น

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเสียดายต่อการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ว่า เห็นว่าควรใช้เวทีสภาในการแก้ปัญหา เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อจากนี้เป็นเรื่องที่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขทั้งฉบับ หรือรายมาตรา เนื่องจากการแก้ไขรายมาตราก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ

เพราะมีการผูกโยงกันไว้ จึงเป็นเรื่องอันตราย เพราะมีคนจำนวนมากเห็นจุดอ่อน ข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ จะเกิดสภาพความอึดอัด แทนที่สภาฯหรือแม้แต่ประชาชนจะเลือกคนมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ยังทำไม่ได้ จะทำให้เกิดความตึงเครียดและมีเสียงต้องทำอย่างไรจึงจะแก้รัฐธรรมนูญได้ ในเมื่อกลไกตามรัฐธรรมนูญไม่เอื้อให้ทำภายใต้รัฐธรรมนูญนี้

เมื่อถามว่า มีโอกาสเพิ่มแรงส่งให้ผู้ชุมนุมมากขึ้นจากการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากลไกตามรัฐธรรมนูญถูกจำกัดไปเสียหมด คนก็จะต้องแสดงพลังหรือแสดงออกในทางอื่น จึงน่าเสียดายเพราะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะสร้างความปรองดองและลดความตึงเครียด ความขัดแย้ง

เพราะจะเป็นเวทีที่นำความคิดต่างมาคุยกันในระบบได้ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่ตรงนี้ไม่เดินต่อ จึงอยากให้รัฐบาลคิดถึงหลักความถูกต้อง มองโครงสร้างระยะยาว อย่าเอาความสะดวกทางการเมืองระยะสั้นมาเป็นตัวชี้ว่าอยากทำหรือไม่อยากทำอะไร เพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพราะจะยิ่งเป็นอันตรายและทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น

“ถึงแม้ว่าพลังการเคลื่อนของมวลชนอาจจะดูอ่อนกำลังลง แต่ผมเห็นว่าคนที่มีความคิดสนับสนุนข้อเรียกร้องแม้จะไม่ทั้งหมด ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความคิด นับวันคนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาก็จะโน้มเอียงไปในทิศทางที่เห็นด้วยกับกลุ่มที่เคลื่อนไหว หากไม่ตอบสนองอะไรเลย ก็เหมือนกับรอเป็นระเบิดเวลา ยิ่งสะสมประเด็นความขัดแย้ง ทำให้สถานการณ์ในอนาคตยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า สโลแกนเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ วันนี้ถ้าทัศนคติผู้นำยังเป็นอย่างนี้ความสงบจะจบที่ตรงไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การการเคลื่อนไหวของมวลชนอาจดูเบาบางลง แต่สังคมกลับไม่ได้ขัดแย้งน้อยลง แม้ผู้ชุมนุมจะมีจำนวนน้อยลง แต่คนที่เห็นว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือระบบในหลายจุดมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ฝ่ายผู้มีอำนาจอาจพึงพอใจ บรรยากาศเอื้อให้ตัวเองรักษาอำนาจได้ การเกิดเหตุรุนแรงแบบสุดโต่งระหว่างการชุมนุมมากขึ้น ก็จะเพิ่มความชอบธรรมในการหาความนิยมคือต้องเลือกเพื่อความสงบ แต่ทั้งหมดเป็นความสงบผิวเผินไม่ยั่งยืน มีแต่สะสมปัญหาสำหรับอนาคตของประเทศ

“ถ้าคิดแต่การรักษาอำนาจ ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศอยู่แล้ว จึงอยู่ที่ว่าผู้มีอำนาจจะตัดสินใจอย่างไร เป็นบททดสอบว่าเอาผลประโยชน์ของใครเป็นที่ตั้ง” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน