คณะกรรมการนิสิต นิติศาสตร์ จุฬาฯ และ คณะกรรการนักศึกษา คณะนิติฯ ธรรมศาสตร์ แถลง ไม่เห็นด้วยคำสั่งศาล ไม่ให้ประกัน “เพนกวิน” ชี้ การปล่อยตัวชั่วคราวเป็นสิทธิ

หลังจากวันนี้ (30 เม.ย.) ศาลอาญามีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ทั้ง 7 ผู้ต้องขังทางการเมืองในทุกคดี รวมถึง “เพนกวิน” ที่อดข้าวมากว่า 45 วัน และอาจจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตด้วย และถึงแม้ “แม่เพนกวิน” จะขอความเมตตาว่าสภาพร่างกายลูกชายอยู่ในสภาพวิกฤตก็ตามที โดยระบุเหตุผลต่อว่า ศาลอาญา และ ศาลอุทธรณ์ เคยสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยระบุเหตุผลไว้ชัดแจ้งแล้ว กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้มีการประกันตัว ต่อมาคณะกรรมการนิสิต คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า

“ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้ อีกทั้งผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนพึงได้รับการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว อันเป็นหลักการสากลที่บัญญัติไว้อย่างชัดแจ้ง หลักการในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หลักกฎหมายอาญา และกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

แต่ด้วยวันนี้ (29 เมษายน 2564) ศาลอาญาได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ (เพนกวิน) กับเพื่อนรวม 7 คน โดยให้เหตุผลว่า “ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์เคยสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยระบุเหตุผลไว้ชัดแจ้งแล้ว กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง”

ด้วยความเคารพต่อศาล คณะกรรมการนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลอาญาข้างต้น โดยเห็นว่าการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาคดีอาญาซึ่งยังมิได้ถูกตัดสินว่าเป็นผู้กระทำความผิดพึงได้รับ แม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้ศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้โดยพิจารณาเหตุต่าง ๆ แต่ศาลกลับใช้ดุลพินิจสั่งขังผู้ต้องหาที่มิได้สัดส่วนเมื่อเทียบกับคดีอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน ทั้งที่ศาลสามารถใช้มาตรการอื่น ๆ เพื่อควบคุมมิให้ผู้ต้องหาก่อเหตุใด ๆ ซ้ำอีกได้

ดังนั้น คณะกรรมการนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ ขอเรียกร้องให้ศาลใช้อำนาจประกอบดุลพินิจของท่านเพื่อความชอบด้วยกฎหมายวิธีการพิจารณาคดี และคงไว้ซึ่งความยุติธรรมขององค์กรตุลาการอย่างแท้จริง”

ขณะที่ คณะกรรการนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง เรียกร้องให้ศาลตระหนักถึงจุดยืนบนหลักกฎหมายและความยุติธรรม และ เปิดให้ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ร่วมลงนามในแถลงการณ์ดังกล่าว โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า

การที่ศาลอาญา ไม่มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวและไม่ให้ประกันตัว 7 ผู้ต้องขังทางการเมือง ได้แก่ อานนท์ นำภา , ภาณุพงศ์ จาดนอก , ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ , ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, ชูเกียรติ แสงวงศ์ , ปริญญา ชีวินกุลปฐม และ พริษฐ์ ชิวารักษ์ เพราะไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่เคยอนุญาตไว้ครั้งก่อน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 29 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุดอันแสดงว่าบุคคลใดกระทำความผิดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 107 ได้บัญญัติเป็นบทหลักไว้ ให้เนื้อความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 29 วรรคสองว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคน พึงได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

การไม่ปล่อยตัวชั่วคราว เป็นข้อยกเว้น ซึ่งโดยหลักแล้วเราต้องตีความบทยกเว้นให้เคร่งครัด ไม่กว้าง มิฉะนั้นบทหลักจะไม่มีที่ใช้ การจะไม่ปล่อยชั่วคราวต้องเข้าเหตุใดเหตุหนึ่งที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1 เท่านั้น จึงจะไม่ปล่อยชั่วคราวได้ ซึ่งศาลตีความมาตรา 108/1 (3) ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นว่า กฎหมายมุ่งป้องกันมิให้จำเลยผู้ต้องหาไปกระทำซ้ำในสิ่งที่ถูกฟ้องร้องหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิด หรือกระทำผิดอย่างอื่น หากจำเลยหรือผู้ต้องหาคนใดมีพฤติการณ์หรือ ถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดหรือกระทำความผิดอื่น หากจำเลยหรือผู้ต้องหาคนใดมีพฤติการณ์หรือแนวโน้มที่จะกระทำเช่นนั้นและไม่มีมาตรการอื่นใดที่จะป้องกันได้ ศาลย่อมไม่อาจปล่อยตัวชั่วคราวได้ ตามคำชี้แจงของเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม

ดังนั้น เราจึงเห็นว่าศาลตีความ ไปในทางที่กว้างมาก คือเพียงแค่มีแนวโน้มจะกระทำผิดซ้ำ แม้ไม่ก่ออันตรายแก่ใครเลย ก็จะเข้าข่ายการก่ออันตรายประการอื่น แนวการตีความของศาลเช่นนี้ เป็นไปในทางที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทำให้หลักการสากลอย่าง หลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีบัญญัติชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญ ไม่มีที่ใช้

จึงสรุปได้ว่า การมีคำสั่งไม่ปล่อยตัวชั่วคราวนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การปล่อยตัวชั่วครวเป็นสิทธิพื้นฐานของปวงชนชาวไทยทุกคน ทั้งตามหลักการแห่งรัฐธรรมนูญนั้นเป็นที่ประจักษ์ได้ว่า ตราบเท่าที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาออกมา ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และนี่หรือคือสิ่งที่ผู้บริสุทธิ์ควรได้รับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน