เพื่อไทย ชำแหละ งบ 65 ผิดทิศผิดทาง ผิดที่ผิดเวลา บริหารล้มเหลว ใช้เงินไม่มีประสิทธิภาพ เย้ยผิดที่มี “ประยุทธ์” ด้วย ฟุ้ง รัฐบาล”ยิ่งลักษณ์” ทำเศรษฐกิจโตกว่า

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 พ.ค.64 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการจัดเสวนา “งบ 65 ผิดทิศผิดทาง ผิดที่ผิดเวลา” โดยมี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู และ ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาฯ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค ร่วมเสวนา

กู้เงินมหาศาล สะท้อนบริหารล้มเหลว

นายพิชัย กล่าวว่า ถ้าจะพูดถึงงบประมาณปี 65 ก็ต้องพูดถึงเงินกู้ 5 แสนล้านบาท ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะกู้เพิ่มด้วย เพราะเป็นการใช้เงินนอกงบประมาณจำนวนมาก แต่แรก ครม.เห็นชอบ พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้าน ที่เสนอโดยกระทรวงการคลัง ทั้งที่ รมว.คลังเพิ่งยืนยันว่าไม่ต้องกู้เพราะมีเงินพอถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่ก็ขอกู้เพิ่มจนได้และมากด้วย

แต่พอถูกสังคมตำหนิอย่างรุนแรง จึงลดลงมาเหลือ 5 แสนล้านบาท ยิ่งตอกย้ำการดำเนินการที่ไม่มีแบบแผน ถูกด่าจึงคิดแก้ไข การใช้เงินทั้ง 2 จำนวน จะสะท้อน 5 ปัญหาดังนี้ 1.สะท้อนความล้มเหลวของรัฐบาลในอดีตจนถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศ 7 ปี แต่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำมากมาตลอด การเก็บรายได้ไม่เข้าเป้ามาเกือบทุกปี ส่งผลให้ต้องปรับลดงบประมาณในปี 65 ลง 1.85 แสน หรือ 5.6% แต่ก็ต้องมาออก พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทเพิ่มเติม ทำให้หนี้ของประเทศเพิ่มขึ้นอีกมาก

2.เสื่อมถอยเพราะกู้มากกว่าลงทุน ซึ่งนอกจากจะลดงบประมาณแล้วยังมีการกู้มากกว่าลงทุน คือกู้มาใช้ กู้ 7 แสนล้านแต่ลงทุนแค่ 6 แสนกว่าล้านแล้วยังจะมี พ.ร.ก.กู้อีก 5 แสนล้านบาท เรียกได้ว่ากู้มาใช้เกือบทั้งหมด ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปใช้ทำอะไรบ้าง 3.หนี้ล้น งบประมาณปี 2565 จะต้องกู้ 7 แสนล้านบาท และจะมี พ.ร.ก.เงินกู้อีก 5 แสนล้านบาท การเก็บรายได้ปีนี้ก็จะลดลงอีกกว่า 2 แสนล้านบาท ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งขึ้นเกิน 9 ล้านล้านบาท และ จะทะลุเพดานที่ 60% ซึ่งจะไทยจะมีปัญหาการใช้หนี้เพราะรัฐมีรายได้เพียง 15% ของจีดีพีซึ่งต่ำมาก

นายพิชัย กล่าวต่อว่า 4.ใช้เงินไม่มีประสิทธิภาพ ตลอด 7 ปี จีดีพีโตเฉลี่ยเพียง 1% กว่าเท่านั้น หนี้ครัวเรือนก็เพิ่มขึ้นมาตลอดทุกปี แสดงว่าประชาชนจนลงต้องกู้เพิ่มและอาจจะไม่มีปัญญาใช้หนี้แล้ว จนทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งขึ้นถึง 92% แล้ว ทั้งนี้ การใช้เงินนอกงบประมาณจะตรวจสอบยาก เพราะไม่มีกรอบการใช้ที่ชัดเจน เปิดช่องทางให้มีการทุจริตได้ง่าย การใช้เงิน 1 ล้านล้านบาทคราวที่แล้วก็ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเลย ใช้แล้วเศรษฐกิจกลับยิ่งทรุด และ 5.ไม่สามารถแยกแยะ จัดลำดับความสำคัญได้ เรื่องที่เห็นได้ชัดเจนคือเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ที่ยังเป็นปัญหาอยู่จนถึงปัจจุบัน งบที่ควรตัดกลับไม่ตัด มาตัดในเรื่องที่ไม่ควรตัดเช่น งบการศึกษาที่ไทยต้องพัฒนาให้เด็กฉลาดขึ้น งบกระทรวงแรงงานที่คนตกงานจะมาก งบสาธารณสุขและบัตรทองที่การเจ็บป่วยของคนน่าจะมากขึ้น ในขณะที่งบความมั่นคงกลับตัดน้อยมาก

ซัดงบฯ 65 ผิดทิศ ผิดทาง

ด้าน นายไชยา กล่าว่า งบฯ 65 ผิดทิศ ผิดทาง ผิดที่ยังไม่พอ แต่ต้องบอกว่าผิดที่มี พล.อ.ประยุทธ์ด้วย บริหารงานมา 7 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์จัดงบฯแบบขาดดุลต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัญหาได้ จากสถานการณ์โควิดตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้ ปัญหาต่างๆจะไม่สามารถแก้ได้

แม้วันนี้จะพยายามใส่เม็ดเงินเข้าไปก็ตาม แต่ถ้ามองปัญหาไม่ตรงจุด ไม่รู้ว่าจะแก้ที่ตรงไหน ก็เท่ากับเอาเงินไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ รัฐบาลไม่ได้เตรียมงบไว้เพื่อแก้ปัญหาโควิดในรอบแรก จึงต้องออกพ.ร.ก. 1.9 ล้านล้านบาทในรอบแรก มาถึงวันนี้เป็นรอยต่อ สิ่งที่รัฐบาลใช้เงินเข้าไปอัดฉีดแก้ปัญหาไม่ได้ ประเทศเราพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งงบฯน้อยมากในแต่ละปี

รัฐบาลใส่งบประมาณลงไปแล้วไม่เกิดดอกผล โครงการที่ส่งมาจากท้องถิ่นมีจำนวนมากเพื่อใช้หมุนเวียนเศรษฐกิจ แต่เงินที่รัฐบาลมีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการอนุมัติช้า เมื่ออนุมัติช้าก็โยกงบฯตรงนี้ไปเยียวยาแทนซึ่งไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระบบ ตนประมาณการเลยว่าการจัดเก็บรายได้ที่รัฐบาลประเมินไว้จะไม่ตรงเป้า เพราะโควิดยังไม่จบ การเยียวยา และการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ไม่ตรงเป้า ตนจึงเชื่อว่ารัฐบาลคาดการณ์มาล่วงหน้าแล้วว่าจะออกพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ตนไม่ได้มีอคติ แต่สถานการณ์ตอนนี้ความมั่นคงของประเทศไม่ได้เกิดจากสงคราม แต่อยู่ที่ความกินดีอยู่ดีในประเทศ แต่งบฯกลับให้ด้านความมั่นคง รัฐบาลมองไม่ถูกจุด

ตั้งฉายา 5 ผิด

ขณะที่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า งบฯ 65 ตนขอตั้งฉายาให้ว่า 5 ผิด คือ 1.ผิดกฎ คือผิดพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง โดยงบลงทุนน้อยกว่างบขาดดุล และหนี้สาธารณะต่อจีดีพีทะลุ 60% 2.ผิดจำนวน คือ งบปีนี้ตั้งอยู่ที่ 3.1 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5.6% ในสภาวะที่ประเทศต้องการเงินมหาศาลในการฟื้นเศรษฐกิจ โดยที่ตั้งงบต่ำ เพราะจัดเก็บภาษีไม่ได้ แถมยังตั้งงบขาดดุลที่ 7 แสนล้านบาท เต็มเพดานตามพ.ร.บ.หนี้สาธารณะ เท่ากับท่านเก็บภาษีไม่เข้าเป้าแค่ 1 บาท ท่านจะมีปัญหาทันที แถมยังออกพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทอีก

3.ผิดที่ คือท่านไปตัดไปงบที่ไม่ควรตัดในหลายๆด้าน เช่น ด้านสวัสดิการของประชาชน ด้านการศึกษา ด้านแรงงาน งบกองทุนสนับสนุนเอสเอ็มอี 4.ผิดเวลา คือบางหน่วยงานที่ยังไม่ใช่เวลาที่จะใช้งบ กลับได้รับงบ มองไปทางไหนก็เห็นแต่กระทรวงกลาโหม สัดส่วนงบกระทรวงกลาโหมที่เพิ่มขึ้นจาก 6.5% ในปีที่แล้ว เป็น 6.6% ในปีนี้ ในเวลาที่ประเทศเทศเผชิญกับภาวะเช่นนี้ ท่านจะตอบคำถามนี้อย่างไร และ 5.ผิดที่คนใช้ คือ ต่อให้จัดงบออกมาดีขนาดไหน แต่ถ้าคนใช้ไม่มีประสิทธิภาพ ก็เท่ากับสูญเปล่า

ยกเทียบ ‘ยิ่งลักษณ์’ ทำเศรษฐกิจโต

ส่วน นายจักรพงษ์ กล่าวว่า โครงสร้างงบฯแบ่งเป็น 2 ส่วน คือในส่วนของรายได้ และรายจ่ายที่มาจากภาษี และเงินกู้ ทุกบาททุกสตางค์ของเรามาจากประชาชน ดังนั้นอยากให้ประชาชนช่วยกันดูงบฉบับนี้ ว่ารัฐบาลได้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ความผิดของรัฐบาลคือ 1.การประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจผิดพลาด 2.จัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า 3.กู้ขาดดุล และ 4.ผิดที่ให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนทำงบประมาณฉบับนี้

งบฯปี 55 และปี 56 ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เศรษฐกิจไทยโต 6% และ 5% แต่ตั้งแต่ปี 57 จนถึง 61 ก่อนมีโควิด เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ยเพียง 2.6% เพียงแค่เปลี่ยนนายกฯ รัฐบาลไม่เคยฟังเสียงเตือนจากทุกคน พอมาเจอโควิด เหมือนแก้ผ้าพล.อ.ประยุทธ์ทันทีเลยว่าเศรษฐกิจไทยเปราะบางแค่ไหน เราเข้าไอซียูเลยทันที สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศเลย ท่านคิดไม่ออกเลยว่ารายได้ที่หายไปจากการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักท่านจะทำอย่างไร ท่านกลับเลือกอัดเงินโดยการจ่ายเงินเยียวยาลงไปให้ประชาชน ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับรายได้จากการท่องเที่ยวที่หายไปจำนวนมาก

ท่านช้าในการหาวัคซีนจนภาคเอกชนไม่มีความเชื่อมั่น การลงทุนก็น้อยลงด้วย ตนอยากเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์เอาพ.ร.บ.งบปี 65 ไปปรับใหม่ ปรับประมาณการรายได้ใหม่ แต่ถ้าสุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์ทำไม่ได้ ก็ลาออกแล้วให้คนอื่นเข้ามาทำเถิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน