จี้ ‘ดีเอสไอ’ สืบปมอุ้มหาย ‘วันเฉลิม-สยาม’ พี่สาว วอนเร่งคดี หลังรัฐทำนิ่งเฉย ทั้งที่หลักฐานเต็มมือ ‘สมยศ’ เชื่อคงรู้ผลในชาติหน้า

วันที่ 2 มิ.ย.64 ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และ นางกัญญา ธีรวุฒิ มารดาของ นายสยาม ธีรวุฒิ 2 นักกิจกรรมทางการเมืองที่หายตัวไปขณะลี้ภัยในต่างแดน เข้ายื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้ากับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อกรณีการหายตัวของผู้ลี้ภัยทางการเมือง

น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า ที่มาในวันนี้ มาเพื่อทวงถามความคืบหน้าหลังจากที่วันเฉลิมหายไป ซึ่งจะครบ 1 ปี ในวันที่ 4 มิถุนายน นี้ และทางรัฐต้องมีคำตอบให้เราว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เราก็อยากทราบเหมือนกัน ไม่ใช่ทางรัฐจะทำตัวนิ่งเฉย วันเฉลิมหายไปจากกัมพูชาจริง ทั้งๆ ที่เรามีหลักฐานเต็มมือ จึงอยากฝากให้ดีเอสไอ ช่วยทำคดีนี้อย่างเร่งด่วน แม้จะได้ยินคำอธิบายจากปากของท่านอธิบดี เราก็อยากจะให้เวลาท่านทำงาน และดูในสิ่งที่ท่านพูดจะเป็นจริงตามที่ท่านรับปากหรือไม่

ด้าน ตัวแทนครอบครัวของ นายสยาม ธีรวุฒิ ระบุว่า ในวันนี้มายื่นหนังสือในกรณีที่สยาม ธีรวุฒิ หายตัวไป อยากให้ทาง DSI ดำเนินการเรื่อง สยาม ธีรวุฒิ แม้จะไม่ได้มีหลักฐานอะไร แต่ก็อยากให้ DSI ช่วยเหลือกรณีสยามด้วย เพราะว่าผ่านมาแล้ว 2 ปีตั้งแต่ปี 2562 ก็ยังไม่ได้มีความคืบหน้าที่ชัดเจน และไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่า สยาม ธีรวุฒิ ยังอยู่หรือไม่อยู่แล้ว

ขณะที่ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า เหตุการณ์ของวันเฉลิม ผ่านมา 1 ปีแล้ว แต่รัฐเพิกเฉยต่อการสืบค้นหาคณะผู้ลี้ภัยที่สูญหาย บ่งบอกได้ว่า คดีนี้เป็นคดีทางการเมือง เป็นการสูญหายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง รัฐเป็นอาชญากรในการปราบรามทำลายผู้ขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐ และความล่าช้านี้มาปรากฎที่ DSI เพราะแค่สรุปว่า เหตุเกิดที่ประเทศใดยังสรุปไม่ได้ ทั้งๆ ที่ ประจักษ์พยานชัดเจน ก็ไม่สามารถทำให้คดีคืบหน้าไปได้

“ทั้ง 2 กรณี ไม่ว่าจะเป็นวันเฉลิม และสยาม ยังไม่ได้เป็นคดีของ DSI เขาแค่ตั้งคณะทำงานเพื่อดูว่า เหตุเกิดที่ไหน สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาอยู่ที่ รมว.ยุติธรรม อย่าง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และตัวของสมศักดิ์เอง ก็อยู่ใน ครม. ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย

จึงเป็นต้นเหตุเบื้องต้นในการสูญหายอย่างหลีกไม่ได้ และเรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่รัฐต้องดูแล แต่รัฐไม่ดูแล ไม่รับผิดชอบ ไม่เคยหาคำตอบว่าทำไมสูญหาย นั่นเพราะนี่เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐโดยตรง ผมคิดว่า ในท้ายที่สุด DSI คงทำได้แล้วเสร็จในชาตินี้ และคงเป็นเรื่องเป็นราวให้รู้ผลในชาติหน้า”

นายสมยศ กล่าวต่อว่า การอุ้มหายทำกันมานาน และหลายคนในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งหมดที่ไม่มีความคืบหน้าเพราะว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหมด หากเป็นคดีเอกชนอุ้มกัน คงจับได้แล้ว ไม่มีปัญหา แต่คดีแบบนี้มีปัญหาเพราะนี่คือประจักษ์พยานที่ชัดแล้วว่า รัฐรู้เห็นเป็นใจในการอุ้ม เพื่อทำลายปราบปรามประชาชน น่าผิดหวังกระทั่งคดีของ บิลลี่ พอละจี ที่เจอกระดูก จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุป และผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับการประกันตัวทั้งหมด แต่ก็ยังดีที่ใช้เวลา 5 ปีในการเจอกระดูกบิลลี่ บอกได้เลยว่า ทุกคดีที่สูญหาย ไม่คืบหน้า เพราะเกิดจากรัฐ

“พ.ร.บ.ป้องกันซ้อมทรมาน-อุ้มหาย อาจทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องทำให้รัฐบาลมีความรับผิดชอบทางนิติธรรม ไม่ได้เป็นรัฐบาลอันธพาล รัฐบาลมาเฟีย ที่ใช้อำนาจกดขี่และทำลายผู้ขัดแย้ง ถึงอย่างนี้เราต้องเปลี่ยนไปสู่หลักประกันที่จะยุติความรุนแรง อยากให้วิญญาณผู้สูญหาย ผู้ลี้ภัยที่ตกเป็นเหยื่อของระบบเผด็จการประยุทธ์ ได้มาบอกประชาชนคนไทยสักที ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” นายสมยศกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน