เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า ประเด็นการจับมือกันของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์หลังการเลือกตั้งนั้น ยังไม่มีอะไรมากไปกว่าการปรารภ และแสดงความคิดเห็นของนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้เปิดประเด็น กับนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ ผู้ตอบคำถาม โดยทั้ง 2 คนยืนยันว่าเป็นท่าทีส่วนบุคคล ไม่ได้ยึดโยงเป็นมติพรรค ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครก็ตามสามารถพูดถึงได้ และไม่จำเป็นต้องรีบมีข้อสรุปว่าจะเอาอย่างไร เพราะขนาดผู้มีอำนาจลงมือร่างกติกา ตลอดจนดำเนินการต่างๆ แม้กระทั่งคำถาม 6 ข้อ ที่ชัดจนหลายฝ่ายเชื่อว่ามีหวยล็อคนายกฯ คนนอกสืบทอดอำนาจแน่ๆ แต่ถามเท่าไหร่ก็ไม่มีใครยอมรับ หรือไม่มีการปฏิเสธแบบฟันธงตรงไปตรงมา เท่ากับว่าเขาเก็บไพ่ทุกใบไว้เล่น จึงไม่เห็นประโยชน์ที่ฝ่ายการเมืองจะรีบทิ้งไพ่ ตัดพื้นที่ของตัวเองให้แคบลง ทั้งที่ยังไม่รู้ชัดว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นเมื่อไหร่

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เอาเข้าจริงๆ ประเด็นนี้ยังไกลเกินกว่าที่ทั้ง 2 พรรคจะให้ความชัดเจน พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่รู้จะเจออะไรอีกบ้างก่อนถึงเลือกตั้ง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่แน่ว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เพราะเดี๋ยวนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ไปไกลถึงขั้นประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ตั้งแต่ไก่โห่ วันนี้แต่ละพรรคพูดชัดๆ กับประชาชนก่อนดีกว่าว่าเอาหรือไม่เอานายกฯ คนนอก และจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจหรือไม่ เพราะเรื่องพวกนี้เป็นการยืนยันหลักการประชาธิปไตย ถ้าหลักพื้นฐานยังทำให้ชัดไม่ได้ ก็ไร้ประโยชน์ที่จะพูดเรื่องนี้กันต่อ ถ้ามองตามข้อเท็จจริงก็พบว่าแกนหลักของพรรคเพื่อไทยหลายคนเคยพูดเรื่องนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าพรรคประชาธิปัตย์เคยบ้างหรือไม่

“ผมยังไม่นึกภาพพรรคไหนจับมือกัน แต่อยากเห็นทุกพรรคจับมือกับหลักการที่ถูกต้องเสียก่อน นักการเมืองต้องกล้ายืนแยกแถวให้ชัดระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ถ้าใครปากพูดประชาธิปไตยแต่ใจเข้าคิวอยู่กับขบวนสืบทอดอำนาจ ก็ต้องรู้ไว้ด้วยว่าประชาชนจะจับได้ ถ้าเป็นแบบนั้นพรรคไหนจะจับมือกันก็ไม่มีความหมาย” นายณัฐวุฒิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน