“เรืองไกร” ยิ้มขุดบ่อดักปลาเล็ก แต่ได้วาฬ จ่อส่งทีมกม.ฟัน “ยุทธพงศ์” หลังร้องเท็จปมหอบเงิน 5 ล้านซื้อรถหรู ยันใช้แคชเชียร์เช็ค พร้อมชี้แจงทุกประเด็น

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ก.ค.64 ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) แถลงกรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบฯ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกมธ.งบฯ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

กรณีซื้อรถเบนซ์ป้ายแดง มูลค่า 5 ล้านบาท ในขณะปฏิบัติหน้าที่เป็นกมธ.งบฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ว่า เมื่อมีการยื่นร้องเรียนตามมาตรา 144 จะเป็นผลทำให้การพิจารณางบประมาณ วาระ 2 และ 3 ระหว่างวันที่ 18-20 ส.ค.นี้ เกิดปัญหา

ทั้งนี้ ส่วนตัวยินดีให้ตรวจสอบถ้าทุกอย่างเข้าเงื่อนไข แต่จะเกิดปัญหา เพราะต้องตั้งคณะกรรมการสอบ ซึ่งตนพร้อมชี้แจงตามหลักฐานที่มี และไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร แต่ที่มีความกังวลคือเงื่อนเวลาในการพิจารณางบประมาณ เพราะถ้าไม่มีเรื่องนี้ทุกอย่างจะเป็นไปตามกรอบเวลา แต่ถ้าประธานสภาฯ หรือประธานกมธ.งบฯ ตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 แล้วตั้งคณะกรรมการสอบตน จะหมายความว่า กมธ.ที่ไม่ได้ทักท้วงเรื่องนี้ต้องรับผิดร่วมด้วย

เพราะเรื่องนี้ถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง และจะมีปัญหาตามมาว่าหากพิจารณางบประมาณ ไม่แล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนด 105 วัน ของกรอบการพิจารณางบประมาณ รัฐธรรมนูญ มาตรา 142 ให้ถือตามร่างที่รับหลักการในวาระ 1 หมายความว่าสิ่งที่ทำมาในชั้นอนุกมธ. และกมธ.ทั้งหมด ไม่มีผล และกลับไปใช้ร่างเดิมทั้งหมด และถือว่าสภาให้ความเห็นชอบ จากนั้น ต้องส่งให้วุฒิสภาพิจารณาให้เสร็จภายใน 20 วัน โดยไม่มีอำนาจปรับลด ผลที่ตามมาคืออาจจะเห็นงบของกองทัพที่ถูกตัดไปกลับคืนมา ไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำ อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่าตนถือเงินสด 5 ล้านบาท ไปซื้อรถเบนซ์นั้น เป็นการคาดเดาที่ไม่ตรงความเป็นจริง ซึ่งตนให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยจะพิจารณาไปถึงกฎหมายพรรคการเมือง และข้อบังคับพรรคการเมือง ที่มีโทษตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี แต่ไม่ถึงขั้นยุบพรรค

รวมถึงกฎหมายป.ป.ช. เพราะการร้องและกล่าวหาอันเป็นเท็จ ถือว่ามีโทษทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายป.ป.ช. และกฎหมายพรรคการเมือง รวมถึงกรณีเงิน 25 ล้านบาท ตนมีหลักฐานพร้อมชี้แจงทั้งหมด ทุกอย่างที่คาดเดากันไป ทั้งประเด็นกฎหมาย จริยธรรม และเรื่องภาษี ตนพร้อมพิสูจน์ทั้งหมด และเมื่อถึงเวลาก็จะชี้แจงทั้งหมด

“ผมไม่เคยถือเงินสด 5 ล้านบาท ไปซื้อรถเบนซ์ แต่เป็นการนำแคชเชียร์เช็คไปจ่าย โดยเช็คลงวันที่ 30 มิ.ย.64 ทุกอย่างมีพยานรู้เห็นหมด การร้องให้ตรวจสอบถือว่าเป็นสิทธิ แต่ถ้าข้อความหรือข้อร้องเรียนนั้นเป็นเท็จ ก็ต้องถูกดำเนินการ ซึ่งผมจะเบิกเงิน 10 ล้านบาท ของผมก็เบิกได้ แต่ผมต้องกรอกแบบฟอร์มของปปง. เรื่องนี้ผมรู้ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้เรื่อง และเอกสารใบคำขอซื้อก็มี

เรื่องนี้มีคนที่อวดรู้ สู่รู้ ไปจินตนาการบรรเจิดเลิศเลอ หาว่าผมย้ายค่าย ถ้าเช่นนั้นผมอยู่บางพรรคมา 6-7 ปี คงได้อะไรมาเยอะแล้ว จึงขอยืนยันว่า ทุกบาททุกสลึงถูกต้องหมด และในเดือนหน้าผมอายุครบ 60 ปี ทางครอบครัวและผม ก็อยากให้รางวัลชีวิตตัวเอง จึงซื้อรถไว้สำหรับครอบครัวก็เท่านั้น ซึ่งสิ่งต่างๆที่ร้องมาแล้ว ไม่สามารถถอนได้ ผมได้ให้ฝ่ายกฎหมายเก็บข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว และที่นัดผมไว้วันที่ 5 ส.ค. ผมสะดวกและพร้อมไปตามนัด” นายเรืองไกร กล่าว

เมื่อถามว่า การที่โพสต์รูปรถพร้อมระบุข้อความว่ามีผู้ใหญ่ใจดีซื้อให้เปรียบเสมือนเป็นการขุดหลุมดักอะไรหรือไม่ นายเรืองไกร หัวเราะก่อนกล่าวว่า “ตอนแรกก็หวังดักปลาซิว ปลาสร้อย แต่กลับได้วาฬตัวใหญ่”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน