กมธ. จ่อเรียก ผู้บัญชาการ คฝ. เข้าชี้แจงเหตุสลายม็อบรุนแรง อัด รัฐบาล ไล่ล่าจับกุมประชาชน แต่งตั้ง อมรัตน์ ติดตามการชุมนุมใกล้ชิด

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2564 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมาว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถูกวิจารณ์มากถึงการใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผล และไม่ได้สัดส่วนในการจัดการการชุมนุม จึงอยากเรียกร้องให้ตระหนักถึงสิทธิของประชาชนและใช้อำนาจอย่างพึงระวังและไม่ขัดต่อหลักการของกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่

“ผมอยากขอชวนประชาชนให้ช่วยกันจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมกิจกรรมการชุมนุมของกลุ่มทะลุฟ้าในช่วงเย็นวันนี้ ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล ไม่ใช่เพื่อปกป้องการใช้อำนาจด้วยคำสั่งอันไม่ชอบธรรม

จะเห็นว่าการชุมนุมของประชาชนเกิดขึ้นติดต่อกันเกือบทุกวัน และทุกครั้งจะได้ยินข่าวความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติเกินกว่าเหตุ หรือในสื่อโซเชียลมีเดีย ปรากฏภาพความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อประชาชนหรือสื่อมวลชนจำนวนมาก ปัญหาของสังคมไทยขณะนี้คือ เมื่อประชาชนมีปัญหา เขาไม่รู้จะเรียกร้องความเป็นธรรมได้จากใคร เพราะรัฐบาลบริหารประเทศแบบไม่เห็นหัวประชาชนในทุกเรื่อง แล้วยังปิดกั้นการแสดงออกด้วยความรุนแรงเช่นนี้อีก” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า สิทธิการชุมนุมเป็นหลักการสำคัญในสังคมประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายต้องให้การรับรองและคุ้มครอง แต่เป็นภาครัฐเองที่พยายามทำลายหลักการนี้ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องช่วยกันปกป้อง สิ่งที่ทำได้คือขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา รายงานข้อเท็จจริงออกมาให้มากที่สุด เพื่อบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องชำระต่อไปในอนาคต เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้น ประชาคมโลกต่างตั้งคำถามต่อรัฐไทยว่า ยังเป็นรัฐที่ทำหน้าที่ภายใต้ระบอบประชาธิไตยหรือไม่ และเหตุใดจึงปฏิบัติต่อประชานเยี่ยงอริราชศัตรู เพราะมีแต่รัฐเผด็จการเท่านั้นที่จะทำกระทำเช่นนี้

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ตนในฐานะประธานกมธ.พัฒนาการเมือง ได้แต่งตั้ง นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะเลขานุการกมธ. เป็นประธานติดตามการชุมนุม เพื่อสังเกตการณ์และรวบรวมเหตุความรุนแรงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งต่อประชาชนและสื่อมวลชน เพื่อรายงานต่อที่ประชุมกมธ.ใหญ่ และจะเรียกผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน เข้าชี้แจงต่อกมธ.ต่อไป

ยืนยันว่าจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อไม่ยอมให้มีการละเมิดสิทธิหรือการก่ออาชญากรรมโดยรัฐกลายเป็นสิ่งปกติในสังคมประชาธิปไตยอย่างแน่นอน

“อยากฝากไปยังรัฐบาลว่า การกระทำที่เกิดขึ้น ไม่ว่าการบริหารงานที่ล้มเหลวในการจัดการโรคระบาดแล้วมองหาช่องทางนิรโทษกรรม รวมถึงการไล่ล่าจับกุมคุมขังและปิดปากประชาชน เพื่อยืดเวลาต่ออำนาจบริหารประเทศท่ามกลางความป่นปี้เช่นนี้ ไม่ต่างกับสุนัขจนตรอกที่ตะเกียกตะกายและกัดไปทั่ว ขอแค่มีชีวิตรอดโดยไม่สนใจว่าประเทศจะพังพินาศไปขนาดไหน การกระทำเช่นนี้ต่างหากที่สมควรต้องถูกจัดการ เพราะถือเป็นศัตรูอันเป็นภัยสูงสุดต่อประเทศอย่างแท้จริง” นายณัฐชา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน