ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเช้าวันที่ 4 ธ.ค.ว่า ก่อนการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี เมื่อเวลา 08.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมถ่ายรูปกับคณะรัฐมนตรีใหม่ “ประยุทธ์ 5” ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล โดยบรรยากาศขณะถ่ายภาพมีอากาศร้อนและแสงแดดแยงตา ทำให้คณะรัฐมนตรีต่างหันหลังให้แดด
เมื่อนายกฯมาถึงปรากฎว่ามีเก้าอี้ว่างอยู่ 1 ที่ ซึ่งเป็นที่ของนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่อยู่ระหว่างการเดินทาง ทำให้นายกฯและรัฐมนตรีต้องยืนรอ เมื่อมาถึงและเห็นว่าเป็นคนสุดท้ายนายอาคม จึงได้รีบวิ่งมาถ่ายภาพ ขณะเดียวกันระหว่างรอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยกมือขึ้นกันแสงแดด แต่แสงไปกระทบแหวนเพชร ทำให้สื่อพากันแซวจนพล.อ.ประวิตรถึงกับหันหัวแหวนกลับเข้าด้านในแทน
จากนั้นได้ถ่ายรูปเฉพาะร่วมกับรัฐมนตรีที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ จำนวน 18 คน พร้อมกล่าวกับรัฐมนตรี ว่า “ขอให้โชคดีทุกคนช่วยกันทำงานนะ”
ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุม คสช.และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุม เมื่อเวลา 08.00 น.นายกฯพร้อมครม.ทั้งหมด ได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ภายหลังที่มีการปรับครม.ประยุทธ์ 5 จากนั้น ที่ตึกบัญชาการ 1 นางสุวณา สุวรรณจูฑะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำคณะผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ช.พร้อมด้วยยุวทูต ป.ป.ช.เข้าพบนายกฯเพื่อมอบเสื้อตราสัญลักษณ์งานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) และประชาสัมพันธ์การจัดการวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลฯ ประจำปี 2560 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค.ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ขณะที่นายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า ประชาคมทุกภาคส่วนต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ต้องแก้ปัญหาเก่าและป้องกันปัญหาใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุม คณะรัฐมนตรีนัดแรกของรัฐบาล “ประยุทธ์ 5” ว่า สำหรับ คณะรัฐมนตรีทั้งหมดและที่เพิ่งได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง และ เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฏิบัติหน้าที่ขอให้ยึดพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทาน ในวโรกาสดังกล่าว และขอให้ทุกคนอุทิศตน ในการทำงานเพื่อชาติ และประชาชน รวมทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะธำรงค์ รักษาไว้ซึ่งสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่คู่ประเทศไทย สืบไป และสิ่งทรงรับสั่งด้วยความห่วงใยเรื่องการทำงาน
นอกจากนี้ ขอให้คณะรัฐมนตรีร่วมกันเดินไปข้างหน้า ในทางที่ถูกที่ควรเพื่อประชาชนและแผ่นดิน โดยใช้สติและปัญญา รวมทั้งความซื่อสัตย์ สุจริต ก็จะสามารถผ่านพ้นข้อขัดข้องต่างๆ ไปได้
