คสช.แจ้งจับ “จักรภพ” โยงคดีอาวุธฉะเชิงเทรา ตร.จ่อหมายจับรวม 5 ราย “ป้อม”ลั่น “ดูเอาเองว่าสมควรปลดล็อกหรือไม่” เมินพรรคห่วงเงื่อนเวลา สั่งฝ่ายกฎหมายหาช่องให้แล้ว “มีชัย”ลั่นถึงเวลาจะแก้ปัญหาให้ “วัฒนา”ดักคอ ยื้อให้เงื่อนเวลาเลือกตั้งขัดรธน. แล้วร้องให้ล้ม เพื่ออยู่ต่ออีก ถกครม.”ประยุทธ์ 5” บิ๊กตู่ร่ายยาว รีรันนโยบายให้รมต.ใหม่ฟัง

“ประยุทธ์ 5″เริ่มประชุมนัดแรก

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช. และประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกของครม.ใหม่ หรือ “ประยุทธ์ 5” โดยก่อนการประชุมพล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมถ่ายรูปกับครม.ใหม่ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นถ่ายรูปร่วมกับรัฐมนตรีที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ 18 คน พร้อมกล่าวกับรัฐมนตรีว่า ขอให้โชคดีทุกคนช่วยกันทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในการประชุม ครม.ประยุทธ์ 5 นัดแรกว่า ขอให้ครม.ทั้งหมด ยึดพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานในโอกาสที่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตน และขอให้ทุกคนอุทิศตน ทำงานเพื่อชาติและประชาชน รวมทั้งมุ่งมั่นธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลัก คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่คู่ประเทศไทย สืบไป และทรงรับสั่งด้วยความห่วงใยเรื่องการทำงาน ขอให้ ครม.ร่วมกันเดินไปข้างหน้าในทางที่ถูก ที่ควรเพื่อประชาชน และแผ่นดิน โดยใช้สติและปัญญา รวมทั้งความซื่อสัตย์ สุจริต จะผ่านพ้นข้อขัดข้องต่างๆ ไปได้

2 บิ๊กอดีตรมต.ขาดประชุมคสช.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการประชุมคสช. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร และพล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้าคสช. และอดีตรองนายกฯ ซึ่งเพิ่งถูกปรับออกจากครม.ครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยให้เหตุผลว่าลาไปต่างประเทศ มีเพียงพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร สมาชิกคสช. และอดีตรมช.กลาโหม ที่เดินทางเข้าร่วมประชุมตามปกติ

ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณหน้าวิทยาลัยพณิชยการพระนคร กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ประมาณ 200 คนนำโดยนายชรินทร์ ดวงดารา รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือถึงนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เรื่อง ขอให้แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร (กองทุนฟื้นฟูเกษตรกร) ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน

บิ๊กตู่แจง”เจี๊ยบ-เข้”ลาไปตปท.

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคสช.และครม.ว่า วันนี้เป็นการประชุมครม.ชุดใหม่ภายหลังถวายสัตย์ปฏิญาณเข้ารับหน้าที่ ถือเป็นการปฏิบัติงานวันแรก ถือเป็นวันมงคล

เมื่อถามว่าพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร และพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย อดีตรอง นายกฯ ซึ่งยังเป็นรองหัวหน้าคสช.อยู่ แต่ไม่ได้มาร่วมประชุมในวันนี้อาจเป็นเพราะมีรอยร้าวภายใน คสช.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “พูดไปเรื่อย เขาลาไปต่างประเทศ อยู่แค่นี้ก็ประชุมกันได้”

เมื่อถามว่าในที่ประชุมคสช.มีการพิจารณาปลดล็อกพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้หารือเรื่องเหล่านี้ ซึ่งได้ชี้แจงอธิบายไปแล้ว

ชี้อีกสวนยางต้องหาอาชีพเสริม

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมากที่จ.ฉะเชิงเทรา ว่า ตรวจสอบอยู่ว่าเป็นกลุ่มไหน ใครทำอะไร อย่างไร มาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไร สิ่งที่น่าจะกังวลมากกว่าคือ มีที่อื่นอีกหรือไม่ สิ่งแรกที่พบคือเป็นล็อตเดียวกับที่เกิดเหตุในช่วงที่ผ่านมา แต่จะเกี่ยวข้องกับใคร ฝ่ายที่รับผิดชอบตรวจสอบอยู่

เมื่อถามถึงกรณีมีข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พาสปอร์ตประเทศอังกฤษว่า ตนยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ ส่วนจะมีประเทศใดอีกหรือไม่นั้น ก็ยังไม่ได้รับรายงานเช่นกัน ส่วนที่นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์เฟชบุ๊กระบุตระกูลชินวัตรไม่อยากยุ่งการเมืองอีก เป็นเรื่องของตระกูลที่ไม่อยากยุ่งการเมือง ก็เป็นเรื่องของเขา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแก้ปัญหายางพาราว่า วันนี้ได้มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดูมาตรการต่างๆ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ ภายใต้ปัจจัยต่างๆ ทั้งภายในและนอกประเทศ โดยความร่วมมือ 3 ประเทศหลักในการผลิตยางที่เราผลิตมากที่สุด ซึ่งต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรในเรื่องการลดจำนวนส่งออก เพื่อให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งบ้านเรา ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพสวนยางในขณะนี้ต้องหามาตรการเสริม ว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ตนไม่อยากให้เดือดร้อนทั้งสิ้น

ปรับท่าทีแจงสั้นๆ-ไม่ตอบโต้

เมื่อถามถึงผลสรุป 4 คำถามแรกของ นายกฯถึงประชาชน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องคำถาม จะนำมาดูว่าอะไรที่ทำได้ก็จะทำ อันไหนเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ เรื่องของกฎหมายก็ว่าไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ปรับลุกส์การให้สัมภาษณ์ใหม่ โดยวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยืนบนบนโพเดียมและตอบคำถามในทุกประเด็นที่ถามไป แต่ตอบสั้นๆ ไม่ลงในรายละเอียด และไม่ตอบโต้เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 3 นาที จากนั้นได้เดินลงจากโพเดียมด้วยสีหน้าเรียบเฉย

สั่งครม.หาของขวัญให้ประชาชน

พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สั่งการให้ครม.ไปดูของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลจะมอบให้ประชาชนก่อนกลับมาเสนอครม.พิจารณาอีกครั้ง ส่วนของขวัญปีใหม่ที่ครม.จะมอบให้กันและกันนั้น ให้ไปศึกษาสินค้าเกษตรไทย เช่น ข้าว โดยให้กระทรวงพาณิชย์ไปดูข้าวพันธุ์กข.43 ว่าจะสามารถจัดทำแพ็กเกจเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ได้หรือไม่ พร้อมกับสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ โดยนายกฯระบุว่าจะสั่งจอง 300 กล่องเพื่อเตรียมมอบเป็นของขวัญปีใหม่

พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ. ประยุทธ์ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับที่ 322, 323, 324, 325 เรื่องการมอบหมายงานให้รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายงานให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้

แบ่งงาน-สมคิดคุม”ศก.”ทั้งระบบ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนใน กระทรวงกลาโหม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาดไทย แรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนใน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลังงาน ศึกษาธิการ ยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนในกระทรวงการคลัง การต่างประเทศ การท่องเที่ยวและกีฬา เกษตรและสหกรณ์ คมนาคม พาณิชย์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)

ฉัตรชัยดูแลสำนักบริหารน้ำ

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนใน กระทรวงวัฒนธรรม กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานราชบัณฑิตย สถาน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนในกระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)

พล.อ.สุรเชษฐ์ผู้แทนรบ.แก้ใต้

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนในกรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสถาน บริษัทอสมท จำกัด (มหาชน) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนใน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

พ.อ.หญิงทักษดา กล่าวว่า ที่ประชุมครม.รับทราบการลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เรื่องการแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยกเลิกคณะผู้แทนพิเศษเดิมที่ประกอบด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายพรชาต บุนนาค ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล แล้วแต่งตั้งชุดใหม่ขึ้นดังนี้ พล.อ. สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เป็นหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล นายพรชาต บุนนาค เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล

แจกเอกสาร3หน้าสั่งงาน”รมต.”

พ.อ.หญิงทักษดากล่าวต่อว่า ที่ประชุมครม.มีมติเลื่อนประชุมครม.นัดแรกของปี 2561 เป็นวันที่ 3 ม.ค. 2561 เนื่องจากในวันที่ 2 ม.ค. เป็นวันหยุดชดเชยวันสิ้นปี

รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.แจ้งว่า นายกฯได้แจกเอกสารสั่งการแนวทางการทำงานให้กับรัฐมนตรีทุกคน 3 หน้ากระดาษ A4 มีสาระสำคัญ ดังนี้ แนวทางการปฏิรูปกองทัพ 1.การลดกำลังพลประจำการ โดยการเพิ่มกำลังพล พนักงานราชการ อาสาสมัคร พลเรือน โดยมีสิทธิ์ต่างกับข้าราชการประจำ คือมีสัญญาจ้างที่ชัดเจน เพิ่มการจ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 2.การจัดหาอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ต้องเน้นความทันสมัย เทคโนโลยีสูง โดยมีจำนวนที่เพียงพอตามแผนพัฒนากองทัพและแผนป้องกันประเทศ รวมถึงความแผนการใช้ด้วย นอกจากนี้การเสนอโครงการของทุกระทรวงจะต้องมีเป้าหมายชัดเจนว่าประชาชนจะได้อะไร ผลที่ได้รับจะเป็นอย่างไร โดยไม่ขอเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ผูกพันยาวเกินไป ยกเว้นโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว ขณะที่การของบกลาง จะต้องใช้หลักดูแลประชาชนให้ทั่วถึงกระจายทุกพื้นที่ ตรงความต้องการของประชาชน ลดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ

ให้โต้โซเชี่ยล-สร้างความเข้าใจ

รายงานยังกำชับให้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชน มีความโปร่งใสจริงใจ ต้องสอดส่องดูแลข้าราชการทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับพื้นที่หากเกียร์ว่างจะต้องปรับย้าย และกรณีแอบอ้างนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรีหรือผู้ใหญ่อื่นๆต้องมีการตรวจสอบอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตามขอให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานตามนโยบายรัฐบาล และเร่งรัดผลงานให้เกิดประสิทธิภาพ เน้นส่งผลต่อประชาชนโดยตรง ตอบโจทย์ประชาชนประเทศชาติได้อะไร นอกจากนี้ยังต้องติดตามสื่อ โซเชี่ยลทุกประเด็น ตอบโต้ และสร้างความเข้าใจให้ทันต่อสถานการณ์

นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงการแก้ปัญหาราคายางพาราว่า ตนเตรียมเชิญบรรดาแกนนำยางพารา มาพูดคุยให้ได้ในสัปดาห์นี้ ส่วนจะมีรายละเอียดออกมาชัดเจนอย่างไรนั้น ขอหารือพูดคุยกับทั้งผู้ผลิต เกษตรกรชาวสวนยาง และคนที่เข้ามาบริหารจัดการ เช่น การยางแห่งประเทศไทย หรือผู้รับซื้อให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะมาแจ้งความคืบหน้าให้ทราบ ส่วนการสอบผู้ว่าฯการยางนั้น ต้องตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย ข้อเท็จจริงมีอย่างไรก็ว่ากันตามนั้น ให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยยึดกฎหมายและข้อเท็จจริงเป็นหลัก

เผย”ตู่”รีรันนโยบายให้ครม.ใหม่

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม. ว่า ที่ประชุมครม. นายกฯได้นำประเด็นข้อสั่งการทั้งหลายที่ให้นโยบายไว้ตั้งแต่ครั้งครม.ประยุทธ์ 1 มารีรันให้ฟัง เพราะมีทั้งรัฐมนตรีใหม่และเก่า จึงอยากทบทวนให้ฟังอีกรอบ ว่าตั้งความหวังกับส่วนงานแต่ละส่วนอย่างไรบ้าง โดยนายกฯ ไล่เป็นข้อๆ พร้อมทำเอกสารแจกด้วย แต่ไม่ได้พูดถึงสถานการณ์ทางการเมือง เพียงแต่บอกว่าขอให้รัฐมนตรีทุกคน ทั้งเก่าและใหม่ ไปดูปัญหาที่เกิดจากการทำงานของกระทรวงที่ไปเกี่ยวพันกับประชาชน มีอะไรที่จะทำให้เกิดข้อขัดแย้งก็ให้ไปลดปัญหาตรงนี้ให้มาก โดยใช้เหตุผล และชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า เราทำอะไร ทำแล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร

“ตรงนี้นายกฯ บอกว่าเป็นวิธีลดความขัดแย้งลงได้ เพราะเขาจะเข้าใจว่าขณะนี้รัฐบาลทำอะไรอยู่ และเพราะอะไร” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

ผบ.ทบ.ยันจับอาวุธไม่ได้มั่ว

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. กล่าวถึงการจับอาวุธสงครามที่จ.ฉะเชิงเทราว่า คาดว่าผู้ที่ครอบครองอาวุธเกิดความกังวลว่ามีความผิด จึงนำอาวุธมาทิ้ง ส่วนที่เป็นปัญหาคืออาวุธที่ยึดได้ครั้งนี้มีหมายเลขประจำเครื่องที่ตรงกับการใช้ในปี 2557 และดำเนินคดีกับผู้ต้องหาชัดเจน อาวุธเหล่านี้ไม่ได้ผลิตในไทย คาดว่านำเข้าจากต่างประเทศนานแล้ว และนำมาใช้หมุนเวียนนอกระบบภายในพื้นที่ ที่น่ากังวลคือ มีปริมาณมาก และเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสืบค้นได้หมดว่ายังมีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตำรวจกำลังขยายผลอยู่

เมื่อถามถึงนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ ที่ถูกระบุเชื่อมโยงกับอาวุธที่ตรวจค้นได้ล่าสุด พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า กำลังรอผลการดำเนินการ แต่คนที่เคยถูกจับกุมเป็นกลุ่มฮาร์ดคอร์ มีตัวตนชัดเจนและถูกดำเนินคดี ขอย้ำว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มั่ว เรากวาดล้างอาวุธสงครามตลอดเวลาตามนโยบายของพล.อ. ประวิตร โดยเร่งรัดเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์รุนแรง หรือนำอาวุธสงครามไปใช้ในอนาคต

ผู้ต้องหาเก่ารุดมอบตัว

พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ส่วนการปลดล็อกทางการเมือง คสช.จะพิจารณาร่วมกันในภาพรวมทุกประเด็น ไม่ใช่เฉพาะอาวุธสงคราม แต่ยังมีเรื่องกฎหมาย สถานการณ์และความเคลื่อนไหวต่างๆ ดังนั้นข้อสรุปโดยรวมช่วงนี้ยังไม่เหมาะที่จะเคลื่อนไหวการเมือง เพราะอาจมีปัญหาอื่นตามมาได้ อย่างไรก็ตามทางคสช.ได้ประชุมทุกเช้าวันอังคาร เพื่อประเมินสถานการณ์ และรายงานพล.อ. ประยุทธ์ และที่ประชุมจะเป็นผู้ตกลงใจว่าจะปลดล็อกให้เมื่อใดและอย่างไร ถ้าพร้อมก็ดำเนินการทันที แต่ถ้าติดขัดในแง่กฎหมาย และมีผลกระทบต่อพรรค จะออกมาตรการผ่อนปรน ตนเชื่อว่าไม่มีผลกระทบใดๆ

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากพล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ระบุว่าได้เบาะแสผู้นำอาวุธสงคราม มาทิ้งไว้ที่จ.ฉะเชิงเทรา และเตรียมออกหมายจับนั้น ปรากฏกว่าช่วงเย็นวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายวัฒนา หรือนายศิวะ ทรัพย์วิเชียร อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาในคดีมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดเมื่อปี 2557 ได้เข้ามาติดต่อขอมอบตัวกับกองร้อยรักษาความสงบ ศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ ทบ.1 (ศปภอ.ทบ.1) ในพื้นที่เขตวังน้อย-ปทุมธานี จากนั้นได้นำตัวมาควบคุมไว้ในมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ตามมาตรา 44 ฐานความผิดมีอาวุธสงครามในครอบครอง ทั้งนี้จะนำตัวนายวัฒนาไปขออนุมัติศาลเพื่อฝากขังผัดแรกวันที่ 7 ธ.ค.นี้ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัยอีก 1 ราย

คสช.แจ้งเอาผิด”จักรภพ”เอี่ยวบึ้ม

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รายงานจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมาก ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ระบุว่า เบื้องต้นพบความเชื่อมโยงกับอาวุธที่ใช้ก่อเหตุวุ่นวายทางการเมืองในปี 2557 โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการฝ่ายกฎหมาย คสช. เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ 1.นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร 2.นายชัยวัฒน์ ผลโพธิ์ หรือ เปี๊ยก กาละแม 3.นายสมเจตน์ หรือ สน คงวัฒนะ

4.นายมนัส หรือ พล.ท.มนัส หรือเสธ.หยอย เปาริก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 และ 5.นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำกลุ่มนปช.หรือคนเสื้อแดง ในฐานความผิดร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง และความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจร เนื่องจากการตรวจพบอาวุธสงครามจำนวนมากในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา สืบสวนพบว่าเป็นอาวุธที่บุคคลเหล่านี้ส่งมอบให้กับผู้ก่อเหตุวุ่นวายในช่วงปี”57 และมีความเกี่ยวพันกับอาวุธเหล่านี้

รายงานระบุด้วยว่า พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับภายในวันที่ 6 ธ.ค.นี้

จักรภพโต้ทันควัน-มั่วซั่ว

วันเดียวกัน นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ปฏิเสธเกี่ยวข้องกับการซ่องสุมอาวุธ โดยระบุว่า “ตามที่มีข่าวในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กพาดพิงมาถึงตัวผมอีกครั้งว่า เกี่ยวข้องกับการจัดหาและส่งอาวุธจากประเทศกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทยนั้น ผมขอประณามการออกข่าวที่มั่วซั่วไร้ข้อเท็จจริงของระบอบทหารที่ยึดครองอำนาจประเทศไทยอยู่ในปัจจุบันอีกครั้ง เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตัวผมเลย ข่าวปลอมชิ้นนี้ถือเป็นความสิ้นคิดของคนออกข่าวและคนที่ไปคาบข่าวเอามาวิจารณ์ต่อมา

สิ่งเดียวที่ผมยึดมั่นคือ การต่อสู้ตามหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย เพราะเพียงเท่านั้นฝ่ายประชาชนก็ชนะขาดลอย ไม่ต้องไปจับอาวุธที่ไหนให้ขัดต่อคุณธรรมและความยอมรับสากลเลย

หลายปีที่ผ่านมา ผมอยู่นอกประเทศอย่างเงียบสงบ เพื่อรอให้ความชั่วร้ายในระดับระบอบซึมเข้าไปในหัวของคนส่วนมากในสังคมเสียก่อน จึงขอบอกไว้ให้ชัดตรงนี้ว่า อย่ายั่วยุกันให้มากจนเกินไปนัก การลุกฮือของประชาชนไม่ใช่ของที่ไกลเกินเอื้อม

ระบอบการเมืองแบบซากดึกดำบรรพ์ ที่มีคนคิดเอากลับมาใช้ใหม่กันอยู่นี้ จักช่วยเสริมไฟให้กับระบอบประชาชนเป็นอย่างยิ่ง”

ป้อมสั่งยืดเวลาลงทะเบียนพรรค

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคสช.และครม.ว่า ที่ประชุมคสช.ไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับการประเมินสถานการณ์เพื่อปลดล็อกทางการเมือง ส่วนจะปลดล็อกเมื่อใดยังไม่รู้ ขอให้ดูเอาเองว่าสมควรปลดล็อกหรือไม่ และตอนนี้เป็นการปรับครม.ใหม่ในเรื่องของการทำงาน จึงยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้

เมื่อถามว่าเงื่อนไขที่พรรคการเมืองจะต้องลงทะเบียนสมาชิกตามข้อกำหนดของกกต. มีเวลาเหลือเพียง 1 เดือน จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาประเมินด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เดี๋ยวเขาแก้ให้ โดยให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณา ซึ่งคสช.ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้”

“มีชัย”ลั่นถึงเวลาจะหาทางแก้ให้

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า กรธ.ได้รับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความของศาลรัฐธรรมนูญฉบับลงมติวาระ 3 จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แล้ว ซึ่งกรธ.มีเวลา 10 วัน โดยตนนัดประชุมวันที่ 6 ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาเนื้อหาทั้งร่าง ส่วนจะมีความเห็นแย้งเพื่อตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายหรือไม่ ต้องพิจารณากัน แต่ส่วนตัวยังไม่พบประเด็นที่ติดใจ ส่วนกรธ.คนไหนจะมีความเห็นอื่นหรือไม่ ต้องพิจารณากันในวันดังกล่าว

นายมีชัยกล่าวว่า ส่วนการพิจารณาปลดล็อกนั้น คสช.จะเป็นผู้พิจารณา ส่วนที่พรรคการเมืองท้วงติงว่าจะกระทบกับการ เตรียมพร้อมของพรรคตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น คิดว่าเมื่อถึงเวลา จะพิจารณาหาทางแก้ปัญหาให้ แต่จะขยายเวลาเท่าใดนั้น ยังบอกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการคิดคำนวณ

เมื่อถามว่า คสช.ยังไม่ยอมปลดล็อก อาจถูกมองว่าเป็นประเด็นที่ขัดกับสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญรองรับจนอาจนำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น นายมีชัยกล่าวว่า ตนคิดว่าทำได้ แต่ไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องไว้หรือไม่ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดขึ้น อีกทั้งคำสั่งคสช.ยังเป็นกฎหมายพิเศษที่ให้อำนาจไว้กว้างขวาง ซึ่งรัฐธรรมนูญรองรับไว้ ตนจึงไม่ทราบว่าอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญจะตีความว่าคำสั่งของ คสช.ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้หรือไม่

กกต.รับปลดล็อกช้ามีปัญหา

ที่โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะรักษาการนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงแนวปฏิบัติของพรรคการเมืองหลังกกต.ประกาศใช้ระเบียบและประกาศต่างๆ ที่เกี่ยวกับพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ในการปรับฐานข้อมูลสมาชิกพรรคให้เป็นปัจจุบัน พรรคต้องทำให้เสร็จภายใน 90 วันนับแต่พ.ร.บ.บังคับใช้ ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 5 ม.ค. 2561 กกต.ได้สำเนาข้อมูลสมาชิกพรรคเป็นซีดีแจกจ่ายให้ทุกพรรค นำไปปรับฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันตามกฎหมาย โดยพรรคต้องติดต่อกับสมาชิกเพื่อสอบถามข้อมูล ถือเป็นการเตรียมการในทางธุรการไว้ล่วงหน้า เพื่อว่าเมื่อปลดล็อกแล้ว พรรคจะจัดประชุมใหญ่รับรองผลส่งมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองได้ทันที

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ยอมรับว่าการที่คสช.ยังไม่ปลดล็อก ถือเป็นอุปสรรค แม้พรรคจะปรับฐานข้อมูลแล้วแต่ไม่สามารถส่งให้กกต.ได้ ทั้งนี้กฎหมายเปิดช่องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองขยายเวลาได้ถึง 3 ปี ส่วนจะขยายเท่าไรต้องพิจารณาตามความจำเป็น ดังนั้นหากครบกำหนดแล้วพรรคไม่สามารถดำเนินการได้ ขอให้ทำเรื่องขยายเวลามา เชื่อว่าคสช.คงจะรับทราบถึงปัญหานี้แล้ว แต่ที่ยังไม่ปลดล็อกเพราะมีเงื่อนไขเรื่องความมั่นคง ซึ่งกกต.ไม่ก้าวล่วง และเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองในเรื่องเงื่อนเวลา เนื่องจากขยายเวลาได้ถึง 3 ปี น่าจะครอบคลุมเวลาตามโรดแม็ปของคสช.อยู่แล้ว ส่วนนายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ยื่นขอจัดตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดคำสั่งคสช.ที่ยังไม่ปลดล็อก แต่ผู้ที่จะตั้งพรรคใหม่ สามารถเตรียมการจัดหาสมาชิกพรรคไว้ล่วงหน้าได้

นพดลตั้ง 4 คำถามยื้อปลดล็อก

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ไม่อยากต่อความยาวเรื่องยังไม่ปลดล็อก โดยอ้างพบอาวุธ ซึ่งหลายฝ่ายวิจารณ์ไปมากแล้วถึงการไม่มีความสัมพันธ์ของเหตุและผล ตนขอตั้งคำถามว่า 1.ถ้าอ้างว่ายังมีปัญหาความไม่สงบ ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบและต้องรับผิดชอบอย่างไร และ 2.การนำประเด็นนี้ไปอ้างเพื่อยังไม่ปลดล็อกนั้น ถามว่าควรใช้เหตุการณ์หนึ่งไปสร้างผลกระทบต่อพรรคและคนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรือไม่ ตรรกะอยู่ตรงไหน ตนอยากให้ผู้มีอำนาจเคารพสติปัญญาของคนไทยให้มากขึ้น

นายนพดลกล่าวว่า ถ้าปลดล็อกล่าช้าจะมีผลกระทบและมีคำถาม 4 เรื่องใหญ่ คือ 1.ทำให้ประชาชนเสียโอกาสร่วมแก้ปัญหาของประเทศผ่านกระบวนการของพรรค 2.ทำให้พรรคยังไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ตามกฎหมายได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการสร้างความเข้มแข็งให้พรรค 3.เรื่องนี้จะสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมจากหลายเรื่องที่มีอยู่ กระทบต่อกระบวนการปรองดองโดยไม่จำเป็นหรือไม่ 4.ความไม่แน่นอนทางการเมือง เรื่องปลดล็อกจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนใช่หรือไม่

“ปัญหายากๆ ที่ท้าทายรัฐบาลมีมากความไว้วางใจและร่วมมือร่วมใจของคนในชาติจากทุกภาคส่วนจึงจำเป็น ถามว่าท่าทีของผู้มีอำนาจเอื้อให้เกิดความร่วมมือ ความไว้วางใจแล้วหรือ” นายนพดลกล่าว

วัฒนาห่วงยื้อจนเลือกตั้งขัดรธน.

นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ถ้าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ไม่ตกคณิตศาสตร์ก็คงหาเรื่องอยู่ในอำนาจต่อ เพราะการไม่ปลดล็อกจนกว่าใกล้เลือกตั้ง จะทำให้การเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามกฎหมาย การปลดล็อกจนถึงวันเลือกตั้งเสร็จสิ้นสมบูรณ์ต้องใช้เวลา 330 วัน ได้แก่ 180 วันสำหรับพรรคทำกิจกรรมตามมาตรา 141 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง หากไม่เสร็จ พรรคจะไม่มีสิทธิส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง และอีก 150 วันเพื่อจัดการเลือกตั้งตามมาตรา 268 แห่งรัฐธรรมนูญ

นายวัฒนา ระบุว่า ขณะนี้กฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.แล้ว จะใช้เวลาไม่เกิน 90 วัน รวมถึงขั้นตอนส่งศาลรัฐธรรมนูญและกกต.หรือภายในวันที่ 28 ก.พ. 2561 กฎหมายต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นต้องจัดเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 150 วัน ดังนั้น หากปลดล็อกวันที่ 15 ธ.ค. 2560 เราจะมี ส.ส.ครบจำนวนได้เร็วสุดวันที่ 15 พ.ย. 2561 ปัญหาจะเกิดขึ้น หากกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายมีผลบังคับก่อนวันที่ 15 มิ.ย. เพราะจะทำให้การจัดการเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ

“วันปลดล็อก คือปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องปลดล็อกทันที ไม่เช่นนั้นจะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปจนขัดต่อรัฐธรรมนูญ การยืดเวลาปลดล็อก คือการจงใจเลื่อนวันเลือกตั้ง หากการเลื่อนนั้นเป็นผลให้การเลือกตั้งไม่เสร็จใน 150 วัน จะทำให้พรรคที่หนุน คสช.ถือโอกาสร้องให้การเลือกตั้งสิ้นผล เพื่อให้คสช.อยู่ในอำนาจต่อ ดังนั้นการไม่ปลดล็อก คือเจตนาที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป เพียงแต่ประชาชนไม่ได้ถูกซ่อมจนสมองส่วนหน้าขาดการพัฒนา เลยรู้เท่าทัน” นายวัฒนาระบุ

ดอนลั่นไม่มีมูล”ปู”ได้พาสปอร์ต

วันเดียวกัน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวทางการอังกฤษได้ให้หนังสือเดินทางแก่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า กระทรวงการต่างประเทศยังไม่มีข้อมูล ดังกล่าว จึงไม่อยากเดาหรือคาดการณ์อะไร ได้ยินข่าวนี้มาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา จากนั้นได้ตรวจสอบ แต่ข่าวไม่มีมูล

“พาสปอร์ตต้องเป็นคนของประเทศนั้นถึงจะได้ แต่มีบางประเทศที่ขายพาสปอร์ต เช่น ให้คนไปลงทุนตามที่กำหนดไว้เป็นเงื่อนไข ซึ่งมีหลายประเทศสามารถไปตรวจสอบได้ และมีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตทั่วไป แต่อังกฤษไม่มีนโยบายเช่นนี้” นายดอนกล่าว

“หม่อมปนัดดา”นั่งผู้ช่วยรมต.

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้ง นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ รองปลัดกระทรวง เป็น เอกอัครราชทูต กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา, นายดำรง ใคร่ครวญ เอกอัครราชทูต กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เป็น รองปลัดกระทรวง, นางนันทนา ศิวะเกื้อ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ เป็น เอกอัครราชทูต กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย, นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูต กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เป็น อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้, นายเกริกพันธุ์ ฤกษ์จำนง อธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา เป็น เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอแต่งตั้ง นางอาทิตยา สุธาธรรม ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร เป็น รองปลัดกระทรวง

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เสนอการแก้ไของค์ประกอบผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเห็นชอบแต่งตั้งชุดใหม่ ดังนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เป็นหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองหัวหน้า นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษฯ นายพรชาต บุนนาค ผู้แทนพิเศษฯและเลขานุการฯ

ครม.มีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ(สลน.) เสนอมอบให้รองนายกฯรักษาราชการแทนนายกฯ กรณีนายกฯไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามลำดับ ดังนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายวิษณุ เครืองาม พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ

ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ได้แก่ พล.ต.อ. สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล เป็น ที่ปรึกษารมว.แรงงาน พล.ต.อ.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ เป็น เลขานุการรมว.แรงงาน และครม.อนุมัติตามที่สลน. เสนอแต่งตั้ง พล.อ.ประสาท สุขเกษตร เป็น รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ของพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ

นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบตามที่สลน. เสนอแต่งตั้งบุคคล เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ดังนี้ พล.อ.ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายก, ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ, นางจินตนา ชัยวรรณาการ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ

ครม.มีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอการแต่งตั้งนายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ และรับทราบตามที่สำนักงบประมาณ เสนอแต่งตั้งนายบุญชู ประสพกิจถาวร ผู้ช่วยผอ.สำนักงบประมาณ เป็นโฆษกสำนักงบ, นางเพชรรัตน์ เสรีพันธ์พาณิช ผอ.กองยุทธศาสตร์การงบประมาณ เป็นผู้ช่วยโฆษก

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน