ราชทัณฑ์ แจง ย้ายเพนกวินไปรักษาข้างนอก ต้องขอศาล ชี้ข้างในก็ดูแลไม่ต่างจากญาติของเรา รักษาผู้ต้องขังอย่างมีมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข

23 ส.ค. 2564 – นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการส่งผู้ต้องขังทางการเมืองที่ติดโควิด-19 ออกไปรักษาพยาบาลภายนอก

นายธวัชชัย กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่จะนำตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวได้ เนื่องจากผู้ต้องขังทั้ง 4 เป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งอยู่ภายใต้กระบวนการดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือ เรือนจำจะเป็นผู้รับฝากขังมาจากศาลระหว่างการสอบสวนของตำรวจ

การดำเนินการกับผู้ต้องขังเหล่านี้ เรือนจำจะต้องขออนุญาตศาลด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการคุมขัง การส่งตัวออกไปรักษาภายนอก หรือการดำเนินใด ๆ ก็ตาม เรือนจำจะต้องขออนุญาตศาลทุกครั้ง เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีของศาล เมื่อศาลต้องการตัว เรือนจำจะต้องมีตัวไปให้ศาลอีกทั้งผู้บัญชาการเรือนจำแห่งนั้น ๆ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว ผู้บัญชาการถึงจะอนุญาตตามกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาภายนอกเรือนจำ พุทธศักราช 2563

ซึ่งจะต้องดูขีดความสามารถของเรือนจำ ถ้าไม่สามารถรักษาได้ ผู้บัญชาการเรือนจำจึงจะขออนุญาตศาลส่งตัวไปทำการรักษาภายนอกได้

ขณะนี้โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ใช้การรักษาที่มีมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข หมายถึง ผู้ต้องขังที่ป่วย ก็จะได้รับการเข้าถึงยา โดยเฉพาะยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ต้องเข้าถึงทุกคน รวมถึงยาฟ้าทะลายโจร ที่ตอนนี้มีอยู่ 2 แสนเม็ด เพียงพอในการดูแลผู้ต้องขังที่ป่วย ซึ่งยังมีอยู่ในรพ.ต่าง ๆ ของกรมราชทัณฑ์ อีก 7 ล้านเม็ด จึงเพียงพอในการดูแลโควิดแน่นอน

โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวต่อว่า การส่งตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวภายนอก ผู้ต้องขัง 1 คน เราต้องเสียกำลังเจ้าหน้าที่ 2 นาย ในการควบคุมตลอดเวลา เพราะหากเกิดการหลบหนี ไม่มีตัวไปให้ศาล เจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิด จะต้องถูกลงโทษด้วย

“กรมราชทัณฑ์ได้ดูแลรักษาผู้ต้องขังอย่างมีมาตรฐาน ให้ยาและการรักษาอย่างดียิ่ง ไม่แพ้ผู้ที่ได้รับการรักษาจากภายนอกเรียนจำ เราดูแลผู้ต้องขังอย่างดีเหมือนกับญาติของเรา”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน