บิ๊กป้อม กำชับรมต. ขอให้ทำงาน ช่วยนายกฯต่อไป สมศักดิ์ ดอดเข้าพบ ยันไม่ปรับโครงสร้างพรรค รับส.ส.เรียกร้องให้นายกฯ-รมต.กระชับมิตร แต่คงไปบังคับกันไม่ได้

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ถือเป็นครั้งแรกภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปรับ 2 รัฐมนตรีช่วย คือ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน ออกจากตำแหน่งว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างปกติ รัฐมนตรีต่างทยอยเข้าร่วมประชุม

น่าสังเกตว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าปฎิบัติภารกิจตั้งแต่เช้าตรู่ ที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ ซึ่งก่อนหน้านี้ เวลามีประชุมครม. จะมีรัฐมนตรีกลุ่ม 4 ช. เข้าพบพล.อ.ประวิตร ที่ห้องทำงาน แต่วันนี้ มีเพียงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ได้ขึ้นไปหารือ โดยใช้เวลา 30 นาที

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวกับกลุ่มที่เข้าพบว่า “ขอให้ทำงาน ช่วยนายกฯต่อไป” ขณะที่ผู้เข้าพบกล่าวตอบว่า ถ้ามีอะไรให้ท่านสั่งได้เลย ทุกคนพร้อมช่วยทำงาน

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค และการปรับโครงสร้างพรรค

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และรองหัวหน้า พปชร. ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบว่า ถ้าฟังจากผู้บริหาร ยังไม่มีการพูดคุยกันเรื่องปรับโครงสร้างพรรค และยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค ยังคงเหมือนเดิม

ส่วนที่ส.ส.เรียกร้องให้นายกฯเข้ามาช่วยดูแลในพรรคเพราะก่อนหน้านี้มีระยะห่างกับพรรคนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส.ส.ก็มีการเรียกร้องอย่างนั้น แต่เรื่องนี้ไม่สามารถไปบอกหรือกดดันได้ อยู่ที่การตัดสินใจ แต่ถ้าท่านมาก็ดี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าในพรรคระหองระแหงกันบ้าง คงต้องพูดคุยกันและนำนโยบายพรรคไปดำเนินการ ตนยังมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า พปชร.จะยังเป็นพรคใหญ่ในการขับเคลื่อนการเลือกตั้ง ส่วนการประชุมพรรคในวันที่ 15 ก.ย.นั้น คงพูดถึงเรื่องกฎหมายที่จะเข้าสู่สภา

เมื่อถามถึงการปรับ ครม.ในสัดส่วนของพปชร. ที่ว่างอยู่ 2 เก้าอี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อำนาจการปรับ ครม.เป็นของนายกฯ เราคงไปพูดอะไรไม่ได้ และไม่ควรพูด ขณะนี้ยังมีเวลาอีกมากในการพิจารณา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน