โรมจัดหนักอัดตำรวจจับนักข่าวพลเมือง 2 ราย ชี้ทำข่าวเผยให้เห็นด้านมืดตำรวจ นิยามสื่อคับแคบหาว่าเป็นสื่อปลอม ชี้ทำแบบนี้แสดงว่ารัฐมุ่งใช้ความรุนแรงปราบ

วันที่ 14 ก.ย.2564 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวานนี้ (13 ก.ย.) ที่ดินแดงแล้วมีการจับกุมสื่ออิสระ 2 คนคือผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวราษฎรและผู้สื่อข่าวเพจปล่อยเพื่อนเรา โดยตำรวจตั้งข้อหาร่วมกันชุมนุมและฝ่าฝืนเคอร์ฟิวว่าในการชุมนุมบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่รัฐยกระดับความรุนแรงมากขึ้น สื่อกระแสหลักกลับมีบทบาทน้อยมากอย่างเห็นได้ชัดในการถ่ายทอดเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดและรอบด้าน

โดยส่วนใหญ่สื่อกระแสหลักมักจะรายงานข่าวอยู่หลังแนวตำรวจ พร้อมจะล่าถอยออกไปเมื่อได้รับคำสั่ง ทำให้สังคมที่ติดตามอยู่ไม่อาจรู้ได้ว่า นอกเลนส์กล้องของนักข่าวนั้นเจ้าหน้าที่รัฐจะไปกระทำการอะไรไว้บ้าง

ดังนั้นการที่มีนักข่าวพลเมืองรายงานข่าว 2 คนในพื้นที่เป็นกำลังหลักในการรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ แบบสดนั้น ทำให้ด้านมืดที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้เห็น ถูกนำขึ้นมาเปิดเผยในที่สว่าง อย่างสำนักข่าวราษฎรนั้น พบว่าหลายครั้งสามารถจับภาพเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงอย่างเกินเหตุเอาไว้ได้ เช่นภาพตำรวจฟาดกระบองใส่หัวผู้ชุมนุมที่คุมตัว หรือภาพตำรวจยิงกระสุนยางใส่จยย.ที่ขับผ่าน แม้แต่ภาพบ้านเรือนที่เสียหายจากการสลายชุมนุมของตำรวจ

อย่างไรก็ดีในสายตาของรัฐบาล เช่นคำสัมภาษณ์ของพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น.กลับแปะป้ายนักข่าวพลเมืองเหล่านี้ว่าเป็นสื่อมวลชนปลอมที่แฝงตัวเข้ามา เพียงเพราะไม่มีบัตรสื่อ อันเป็นผลมาจากทัศนคติอันคับแคบและล้าหลังในการนิยามความเป็นสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ทำให้นักข่าวเหล่านี้นอกจากจะไม่ได้รับการรับรองและคุ้มครองจากรัฐแล้ว ยังกลายมาเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำจากรัฐเองเสียอีก

สิ่งที่นักข่าวพลเมืองถ่ายทอดออกมาให้สังคมได้รับรู้นั้น ช่วยให้เราเห็นว่าประเทศนี้ รัฐบาลนี้ ล้มเหลวในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไร ความกล้าหาญของพวกเขาช่วยเป็นหูเป็นตาให้ประชาชนภายนอกที่ชุมนุม ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องเห็น นั่นคือความรุนแรงที่รัฐกระทำต่อประชาชนภายใต้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ดังนั้นการหาเรื่องจับนักข่าวเหล่านี้จึงไม่อาจหาเหตุผลอื่นใดได้เลย นอกจากเพราะฝ่ายรัฐต้องการปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ให้เห็นความอำมหิตป่าเถื่อนที่ฝ่ายตนได้กระทำต่อประชาชน จึงต้องทำลายผู้ที่จะมาเปิดโปงการกระทำเหล่านั้น นั่นหมายความว่ารัฐบาลยังคงยืนยันที่จะใช้ความรุนแรงในการกดหัวผู้เห็นต่างไม่ให้เงยหน้าขึ้นมาท้าทายต่อไป

“เมื่อไหร่ที่พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลจะมีสติสำนึกได้เสียที ว่าทุกวันนี้มีผู้คนต่อต้านพวกท่านกันมากมายแบบไม่ต้องมีใครชักนำ ถึงขนาดนี้แล้วจะยอมรับผิดแล้วออกไปแต่โดยดี หรือจะยังดื้อด้าน ยึดติดอยู่แต่กับการกดหัวและปิดหูปิดตา ราดน้ำมันลงบนกองไฟต่อไปอีก”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน