‘ประยุทธ์’ ลุยเมืองคอน 30 ก.ย. แก้ปัญหาน้ำท่วม ส.ส.ชง 4 โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนัง ยันนายกฯ ลงพื้นที่ ไม่ได้ตีกินทางการเมือง เหมือนบางพรรค

เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2564 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เตรียมลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ว่า เป็นการติดตามความคืบหน้าโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และผลกระทบน้ำเค็ม ในพื้นที่ 94 ตำบล 11 อำเภอ ครอบคลุมพื้นที่ 5.3 แสนไร่ ของ จ.นครศรีธรรมราช งบประมาณ 9,580 ล้านบาท ระยะเวลา 6 ปี (พ.ศ.2561-2566)

นายสัณหพจน์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามความคืบหน้ากับตนถึงโครงการดังกล่าว และได้รายงานปัญหาของความล่าช้าของโครงการให้รับทราบ เนื่องจากผู้รับเหมามีการประมูลเสนอราคาการก่อสร้างที่ต่ำกว่าราคากลางมาก จึงทำให้ขณะนี้โครงการไม่สามารถขับเคลื่อนได้ไปตามระยะเวลาที่กำหนด จึงจะลงพื้นที่จริงเพื่อตรวจสอบปัญหาด้วยตัวเอง

นายสัณหพจน์ กล่าวอีกว่า ภารกิจการลงพื้นที่ดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมการรับมือความเสี่ยงของการเกิดอุทกภัยจากปรากฏการณ์ลานีญาในพื้นที่ภาคใต้ ที่ปัจจุบันจะเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุมในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. และพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นจุดเสี่ยงที่สุด เพราะเป็นที่ตั้งของยอดภูเขาหลวงซึ่งเป็นต้นน้ำสำคัญหลายสายในจ.นครศรีฯ และสุราษฎร์ธานี รวมทั้งโครงการที่จะใช้รับมือปัญหาอุทกภัยนั้นยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วม และสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนได้ ทั้งนี้

“การลงพื้นที่ดังกล่าวเป็นความตั้งใจจริงของนายกฯ ที่ต้องการจะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน เพราะทราบถึงปัญหาความล่าช้า ไม่ใช่การตีกินทางการเมือง อย่างนักการเมืองบางพรรคที่ถนัดเรื่องดังกล่าว”

นายสัณหพจน์ กล่าวต่อว่า ตนเตรียมเสนอโครงการต่อเนื่อง เพื่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ทั้งเรื่องของเส้นทางคมนาคม ปัญหาประมงท้องถิ่น และการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ 1.เร่งรัดติดตามคืบหน้าโครงการเวนคืนที่ดิน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 408 สายฯ – บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 (นาทวี) ช่วงบริเวณสะพานการะเกด ต.การะเกด-ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

ซึ่งมีปัญหาการเวนคืนพื้นที่ มากว่า 10 ปี เพื่อเปิดให้สามารถขยายถนนเชื่อมต่อระหว่าง จ.นครศรีฯ และ จ.สงขลา ได้สมบูรณ์ เกิดความสะดวกต่อพี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางในการสัญจร โดยในวันที่ 15 ต.ค.จะครบกำหนดเวลาการเวนคืนในโครงการดังกล่าว

รวมทั้งการขยายถนน อ.เชียรใหญ่ เพื่อเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 408 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการเดินทาง การขนส่งผลผลิตทางการเกษตร และการท่องเที่ยวของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังสะดวกขึ้น ช่วยให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

2.ศึกษาความเป็นไปได้ การสร้างสะพานข้ามอ่าวปากพนัง เชื่อมต่อ แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง และ อ.เมืองนครศรีฯ เพื่อเป็นเส้นทางใหม่ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้มีการกระจายรายได้ ขับเคลื่อนมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนทั้งในท้องถิ่นและระดับภาค ไม่กระจุกตัวอยู่เฉพาะที่ใดที่หนึ่ง

3.โครงการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายซึ่งมีกระทบต่อการทำประมงพื้นบ้านของชาวบ้านในพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งอ่าวปากพนัง ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอคือ อ.เมือง อ.ปากพนัง และอ.หัวไทร โดยจัดตั้งหน่วยศร.ชล.ประจำพื้นที่บริเวณอ่าวปากพนัง เพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามประมงผิดกฎหมาย

และ4.โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งเป็นป่าพรุ ที่มีความสำคัญต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา เนื่องจากเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำปากพนัง และทะเลน้อยที่เป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับทะเลสาบสงขลา ซึ่งชาวบ้านใช้เป็นแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และประกอบอาชีพประมง โดยในแต่ละปี จะประสบกับปัญหาไฟไหม้ ทำให้มีผลกระทบกับประชาชนเป็นจำนวนมากในพื้นที่ และหากมีการแก้ไขปัญหาไฟป่าได้อย่างยั่งยืน ทำให้ป่าพรุควนเคร็งมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน