เพื่อไทยซัดพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีเกษตกรในหัวใจ เตือนระวังระเบิดเวลาชาวนา เหตุวิกฤติข้าวสาหัส ราคาตกต่ำ ไม่มีใครรับซื้อ หลังโรงสีเจ๊งจากปัญหาศก.เพียบ

วันที่ 1 ต.ค. 2564 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ฐานะประธานส.ส.พรรค พร้อมด้วยนายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ ส.ส.อุบลราชธานี ร่วมแถลงข่าวกรณีความเดือดร้อนเกษตรกรจากราคาข้าวตกต่ำ ผลผลิตล้นตลาด รัฐบาลไม่เหลียวแล

โดยนายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ข้าวในประเทศกำลังเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ กำลังประสบปัญหาไม่มีผู้รับซื้อข้าวพันธุ์กข.15 และข้าวหอมมะลิที่กำลังจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้

โดยเฉพาะในจ.พะเยาซึ่งมีพื้นที่ปลูกข้าว 6 แสนไร่ คาดว่าจะมีข้าวออกสู่ตลาด 3 แสนตันข้าวเปลือก ส่วนจ.เชียงรายมีพื้นที่ปลูกข้าว 1 ล้านไร่ คาดว่าจะมีข้าวออกสู่ตลาด 6 แสนตันข้าวเปลือก ทั้งหมดนี้ยังไม่มีโรงสีรับซื้อข้าวที่จะออกสู่ตลาดได้ เนื่องจากโรงสีกว่า 80% ได้ปิดกิจการลงจากสถานการณ์เศรษฐกิจ จากเดิมที่พะเยามีโรงสี 30 แห่ง ปิดกิจการเหลือ 3 แห่ง

เชียงรายเคยมีโรงสี 40 – 50 แห่ง ปิดกิจการจนเหลือ 6 แห่ง ส่วนโรงสีที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ก็มีศักยภาพไม่เพียงพอที่จะรับซื้อข้าวในระบบ เพราะยังมีข้าวค้างสต๊อกที่ไม่มีตลาดรับซื้ออยู่ในโรงสีอีกจำนวนมาก

ขณะเดียวกันราคารับซื้อข้าวยังตกต่ำ จากเดิมราคารับซื้อข้าวหอมมะลิอยู่ที่กิโลกรัมละ 17 บาท ลดลงมาเหลือกิโลกรัมละ 8 บาท สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าปุ๋ยและค่าการขนส่ง

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดถือเป็นระเบิดเวลาที่กำลังจะบานปลาย ข้าวล้นประเทศจนยากจะแก้ไขได้ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแก้ไข คือการหาตลาดรับซื้อข้าวให้กับเกษตรกร สนับสนุนต้นทุนการผลิตและการขนส่ง รวมทั้งสินเชื่อปลอดดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรและโรงสีโดยด่วน โดยในระยะเร่งด่วนควรชดเชยดอกเบี้ยสินเชื่อ ธ.ก.ส.เดิมให้กับเกษตรกรก่อนด้วย

นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่เคยมีพี่น้องประชาชนและเกษตรกรอยู่ในหัวใจแม้แต่น้อย ไม่เคยเข้ามาดูแลเอาใจใส่ แก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรผู้สร้างรายได้เข้าประเทศ นับตั้งแต่ปัญหาโรคระบาดในโคกระบืออย่างโรคลัมปีสกิน ราคาลำไยและผลไม้ตกต่ำ ล่าสุดปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ปริมาณข้าวล้นตลาด

พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่มีความสามารถในการบริหารจัดการได้ เช่นเดียวกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ก็ไม่มีความสามารถในการหาตลาดให้กับสินค้าเกษตรได้เลย

ทั้งนี้ตนรับคำสั่งจากพี่น้องชาวนาให้มาบอกปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลเตรียมตัวแก้ไขปัญหา อยากให้ท่านหยุดก่อน ใครจะเป็นตำแน่งนั้นตำแหน่งนี้ ชาวนาอยากรู้เพียงว่ารัฐบาลจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาข้าวอย่างไรมากกว่า

ระวังระเบิดเวลาของชาวนาจะปะทุ

ทางนายเอกชัย กล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลวอย่างยิ่งในการปฏิรูปด้านการเกษตร 7 ปีตั้งแต่รัฐประหารยึดอำนาจ จนถึงวันนี้ประเทศไทยไม่มีการพัฒนาด้านพันธุ์ข้าว คุณภาพ และการเพิ่มผลผลิตต่อไร่แต่อย่างใด เป็นความบกพร่องของรัฐบาล ที่ปล่อยให้ราคาข้าวถูก ปุ๋ยแพง

ตรงข้ามกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและอินเดีย ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวในตลาดโลก จากอันดับ 1 ตกมาอยู่อันดับ 3 เรียบร้อยแล้วในปี 2563 จากที่เป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องมาหลายปี ทั้งที่มีพื้นที่ปลูกข้าวกว่า 66 ล้านไร่ ซึ่งมากกว่าเวียดนามซึ่งอยู่ที่ 46 ล้านไร่

รัฐบาลมองเพียงแต่การแก้ไขปัญหาระยะสั้น ทั้งยังนิ่งนอนใจกับปัญหานโยบายประกันราคาข้าว ซึ่งรัฐบาลจ่ายเงินส่วนต่างประกันราคาให้ชาวนาก็มีปัญหามาโดยตลอด ทั้งล่าช้า ราคาขายข้าวของชาวนาที่อยู่ห่างไกล ขายได้ในราคาต่ำกว่าราคาเฉลี่ยที่รัฐบาลประกาศ

ปีที่แล้วรัฐบาลประกาศราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 11-12 บาทต่อกิโลกรัม ชาวนาได้รับเงินจ่ายชดเชยจากการประกันรายได้เพียง 2 บาท แต่ชาวนาที่อยู่ห่างไกลในหลายพื้นที่ ขายได้ในราคาเพียงแค่ 8-9 บาท เมื่อรวมกับเงินส่วนต่างที่ได้กลับได้ไม่ถึง 12 บาท และถูกหักความชื้นและสิ่งเจือปนต่าง ๆ อีก

หากจะไม่ขายก็ต้องเสียค่าขนส่งเอง เป็นความลำบากของพี่น้องเกษตรกรอย่างยิ่ง จุดนี้ชาวนาจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร ลูกหลานจะมีเงินเพียงพอดำเนินชีวิตได้อย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน