เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่คณะมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) มีมติฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการเมืองกับประเทศไทยว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับไทย เพราะเป็นสิ่งที่เราได้พยายามทำมาโดยตลอดในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของกระทรวงต่างๆ เวลาไปพบปะพูดคุยกับประเทศสมาชิกอียู และให้ความสำคัญกับอียูในฐานะที่เป็นตลาดการส่งออกของไทย ทั้งการค้า การลงทุน ซึ่งมีทั้งที่อียูมาลงทุนในไทยและไทยไปลงทุนในอียู ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือให้อียูเข้าใจการบริหารราชการแผ่นดินของเราในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยทุกประเทศที่มาเยือนประเทศไทยตนได้ให้แผนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลคสช. เพื่อให้ดูทั้งหมดว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งมีเป็น 100 เรื่อง และเคยแจกให้สื่อมวลชนด้วย แต่สื่อมวลชนไม่สนใจกันเอง รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อมีตัวแทนรัฐบาลไปพูดในประเทศสมาชิกอียู ทั้งในรอบและนอกรอบ ซึ่งก็ได้ผลออกมาแบบนี้ และกระทรวงการต่างประเทศก็ตามเรื่องมาตลอด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เขาเห็นว่ามุ่งมั่นและเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการเดินหน้าประเทศ และเราได้แก้ไขปัญหา เหตุติดขัด มากมายหลายประการ เรื่องกฎหมาย การอำนวยความสะดวก เขาได้เห็นความตั้งใจของรัฐบาล และเขาไม่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขอะไรออกมาว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเพียงแต่ทราบว่าเรามีโร๊ดแม๊ฟการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 ที่ผมได้ประกาศไป ผมไม่เคยฝืนโร๊ดแม๊ฟ แต่ตนอธิบายเพิ่มเติมไป ซึ่งเขาถามตนมาว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ตนก็บอกว่าติดอยู่ที่กฎหมายลูก ซึ่งรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ เมื่อกฎหมายลูกเสร็จเมื่อไร ก็สามารถประกาศวันเลือกตั้งได้ตามโร๊ดแม๊ฟ ฉะนั้นจะเลื่อนเข้าหรือเลื่อนออก ก็ยังเป็นไปตามโร๊ดแม๊ฟ ปีที่แล้วเหตุที่ต้องเลื่อนโร๊ดแม๊ฟเพราะมีงานพระราชพิธี แล้วจะไม่เลื่อนได้อย่างไร จะปั่นป่วนกันได้อย่างไร

“วันนี้ต้องดูและคำนึงถึงความปลอดภัย เรื่องสถานการณ์ภายในประเทศของเราด้วย ผมคิดว่าทุกประเทศเข้าใจ เหลือแต่คนในประเทศของเรา ไม่ค่อยจะเข้าใจกัน นักการเมืองก็พยายามพูดอะไรที่จะนำไปสู่ หรือให้เกิดความขัดแย้ง กดดันรัฐบาลและบิดเบือนอะไรต่างๆ ซึ่งมีเยอะแยะเราก็เห็นกันอยู่ในคลิปอะไรต่างๆ พูดจริงและไม่จริงบ้าง แล้วก็บิดเบือนแสวงหาประโยชน์ไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าคนไทยต้องแก้ไขตรงนี้ ช่วยผมหน่อย ในการสร้างความเข้าใจกันใหม่ ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่อียูมีมติเช่นนี้ และถือว่าไม่ใช่เงื่อนไข เพียงแต่เขาอยากเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ ประชาชนมีส่วนร่วม มีเสถียรภาพ เสรีภาพ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามที่จะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้น หากเราปล่อยทุกอย่างเละเทะตั้งแต่วันนี้ มันจะไปตรงนั้นได้หรือไม่ นั้นคือสิ่งที่ผมกังวล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน