“พิธา” เศร้าใจ 45 ปีผ่าน รัฐบาลยังใช้ความรุนแรงปราบคนเห็นต่าง แนะ 3 ข้อ แก้ปัญหาการเมือง “ธนาธร” ชี้ รำลึกอดีตเพื่อวาดอนาคตที่ต้องการ

เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 6 ต.ค. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมวางพวงมาลาเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่มาร่วมกิจกรรม 6 ตุลา ตนเคยเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งกิจกรรมที่เกิดขึ้นทุกปีเป็นการสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและปัจจุบัน ไม่ว่าจะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดจากรัฐใช้ความรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมายจนมาถึงปัจจุบันที่ดินแดง

ซึ่งแต่ละปีแม้ว่าสถานการณ์จะแตกต่างกันไป แต่ตนคิดว่ารากเหง้าของปัญหายังไม่เคยมีการชำระ เป็นความรุนแรงจากรัฐที่ใช้ปราบปรามคนที่เห็นต่าง รัฐไม่อนุญาตให้คนที่มีอุดมการณ์แตกต่างจากความคิดที่รัฐต้องการกระทำ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีผู้รับผิดชอบกับการสูญเสีย ผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือผู้ที่ได้รับความรุนแรงทางกฎหมายเลย ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมายังมีเยาวชนที่ได้รับความรุนแรงจากการกระทำและกฎหมาย รวมไปถึงคดี มาตรา 112 ที่ถูกดำเนินคดีจากความคิดเห็นต่างทางการเมือง

รัฐบาลไทยยังไม่รับฟังและรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่รับฟังความฝันใหม่ๆ และความเปลี่ยนแปลงยุคสมัย 45 ปีเคยเป็นอย่างไรปีนี้ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงกับประชาชน ยิ่งมีการใช้ความรุนแรงต่อสู้กับอนาคตมากเท่าไร การชุมนุมแต่ละครั้งก็จะมีการปะทุและรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

2.ขอเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้คนยุคนี้ได้แสดงความคิดเห็น ใช้ความปรานีประนอมกันไม่ใช้ความรุนแรง และ 3.ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต้องแก้ด้วยกระบวนการทางการเมือง ยอมรับการที่มีคนเห็นต่างในระบบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติและสามารถทำได้ เชื่อว่าผลลัพธ์ความขัดแย้งทางการเมืองจะถูกชำระและทำให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้

นายพิธา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการเตรียมยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ นั้น สำหรับพรรคก้าวไกลหากเป็นเรื่องที่ ทำให้เกิดความรับผิดชอบกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับผู้ที่ต้องสูญเสียในเหตุการณ์ต่างๆ พรรคก้าวไกลก็พร้อมใช้เวทีรัฐสภาในการพักดันให้เกิดความรับผิดกับสิ่งที่รัฐทำกับประชาชน

ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอย้ำว่าควรจะยุติการสลายการชุมนุมที่รุนแรงเกินกว่านี้ทันทีเพราะจะยิ่งทำให้เกิดความภาคภูมิใจและสะท้อนกลับมารุนแรงมากขึ้นและทำให้สถานการณ์แย่ไปมากกว่านี้ รวมถึงต้องยุติคดีความทางการเมืองต่างๆ เรื่องนี้ไม่ใช่อาชญากรรม หากจะเป็นก็คงเป็นอาชญากรรมทางความคิด ดังนั้นจึงต้องปฏิบัติกับสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานะปัญหาทางการเมืองจะต้องใช้มาตรการทางการเมืองในการแก้ไขคลี่คลาย

ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า เรามารำลึกอดีตเพื่อส่งเสียงว่าอยากเห็นอนาคตเป็นแบบไหน อนาคตที่เราอยู่ร่วมกันอย่างโอบอ้อมอารี อนาคตที่ความคิดเห็นแตกต่างได้รับการยอมรับ อนาคตที่อยู่ร่วมกันอย่างอดทนอดกลั้นกับอุดมการณ์แตกต่างกัน อนาคตที่สิทธิ เสรีภาพประชาชนได้รับการปกป้อง มีแต่อนาคตแบบนี้เท่านั้นที่ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าเข้าทันโลกาภิวัตน์ได้ เรามาลำรึก 6 ตุลา ไม่ได้รำลึกแต่เพียงอดีต แต่เรามาป่าวประกาศถึงสังคมที่เราอยากจะสร้างไปด้วยกัน

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และผู้ที่ค้ำจุนอำนาจพล.อ.ประยุทธ์ 45 ปีที่ผ่านมา คุณกระทำอำมหิตกับประชาชน เพื่อที่จะยุติคนที่คิดเห็นต่างและเป็นภัยต่อรัฐบาล และรัฐยังคงทำแบบเดิม ไม่ได้รับบทเรียนว่าความรุนแรงไม่สามารถหยุดยั้งอนาคตของประเทศนี้ได้ประชาชนยังคงต่อสู้ยังคงต่อสู้ และจะต้องสู้ไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ เพราะอนาคตของประเทศนี้เป็นของพวกเรา แต่อนาคตของพวกคุณอยู่ในเรือนจำ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน