“วิโรจน์” เตือน “ประยุทธ์” เปิดประเทศ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แนะ 6 ข้อ เตรียมรับมือ วัคซีน-ยาต้องพร้อมทุกสถานการณ์ ชี้หากไม่เตรียมการผลเสียตกที่ประชาชน

วันที่ 11 ต.ค.64 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมพร้อมที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงเดือน พ.ย. ที่จะถึงนี้ ว่า หากนับจากวันที่ 16 มิ.ย.64 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้คำมั่นกับประชาชนเอาไว้ว่าจะเปิดประเทศใน 120 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 14 ต.ค.64 นี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละประมาณ 10,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตประมาณวันละ 60-80 ราย และหากพิจารณาจากผลตรวจ ATK ก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอยู่

การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นการระบาดที่แพร่กระจายไปยังส่วนภูมิภาค หลายจังหวัดยังมีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น การที่จะเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรมได้ รัฐบาลจำเป็นต้องทำให้การระบาดของโควิด-19 เป็นการเจ็บป่วยในภาวะปกติวิสัย ที่ระบบสาธารณสุขปกติสามารถควบคุมการระบาด และดูแลรักษาผู้ป่วยได้

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า การเปิดประเทศไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ คิดจะเปิดก็เปิด คิดจะปิดก็ปิด พอไม่กล้าปิด ก็ฝืนเปิด แล้วก็มาปิดแบบกะทันหัน จนสร้างความสูญเสียให้กับประชาชน พรรคก้าวไกล จึงเสนอแนวทางในการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ 6 ข้อ

ดังนี้ 1.ปัจจุบันมีอัตราการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม (ข้อมูล ณ 10 ต.ค. 64) อยู่ที่ 32.5% หรือ 23.4 ล้านรายเท่านั้น สำหรับอัตราการฉีดวัคซีน 1 เข็ม อยู่ที่ 48.7% หรือ 35.1 ล้านราย โดยมีเพียง 14 จังหวัดเท่านั้น ที่ประชาชนที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม มีความครอบคลุมตั้งแต่ 50% ขึ้นไป และหากพิจารณาในกลุ่มผู้สูงอายุ พบว่ามีเพียง 7 จังหวัดเท่านั้น ที่มีความครอบคลุมไม่ต่ำกว่า 70% รัฐบาลควรกำหนดให้ชัดเจนว่า ต้องมีความครอบคลุมในการฉีดวัคซีนเท่าใดจึงจะเข้าเกณฑ์ในการเปิดการท่องเที่ยว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า 2.รัฐบาลต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับพ่อค้าแม่ขาย และประชาชนที่อาศัยในย่านเศรษฐกิจควบคู่กันไป หากย่านเศรษฐกิจมีอัตราการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมเพียงพอ ก็อาจมีป้ายสัญลักษณ์แสดง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว

3.มีมาตรการในการฉีดวัคซีน และดูแลรักษาผู้ป่วยที่เป็นแรงงานต่างชาติ ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายให้ชัดเจน หากไม่มีระบบในการป้องกันโรคและการควบคุมดูแลรักษาที่ชัดเจน ก็เสี่ยงอย่างมากที่กลุ่มแรงงานต่างชาติจะเป็นคลัสเตอร์ในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไม่จบไม่สิ้น

4. มีระบบการสุ่มตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงในจังหวัดต่างๆ ด้วยชุดตรวจ ATK ที่ชัดเจน มีระบบที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK ได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการขอรับฟรีที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และศูนย์บริการสาธารณสุข ตลอดจนสามารถซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปในราคาถูก

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า 5.สำรองสต็อกยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้มีความเพียงพอ เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ เครื่องช่วยหายใจ เครื่องออกซิเจนไฮโฟล์ว ชุด PAPR และ 6.รัฐบาลต้องเร่งถอดบทเรียน และเตรียมระบบในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยให้พร้อมกว่าที่เป็นอยู่ เช่น ระบบการกักตัวรักษาตัวเองที่บ้าน ระบบในการรับตัวผู้ป่วยสีเหลือง/แดง มารักษาตัวที่โรงพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพที่สูงขึ้น ตลอดจนการมีแผนสำรองสำรองฉุกเฉินที่สามารถเพิ่มจำนวนเตียงในโรงพยาบาล จัดเตรียมสถานดูแลผู้ป่วยเพื่อกักกันโรค ฮอสพิเทล โรงพยาบาลสนาม ได้โดยทันทีหากการระบาดรุนแรงขึ้น

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลเปิดการท่องเที่ยว โดยที่ไม่ได้ทำการบ้านทั้ง 6 ข้อนี้ แทนที่ประชาชนจะได้รับผลประโยชน์ กลับกลายเป็นการลวงให้ประชาชนเดินทางมาพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อย ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน หรือนำเอาเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต มาใช้ในการลงทุนฟื้นฟูกิจการของตนเอง ถ้าเปิดการท่องเที่ยว แล้วนักท่องเที่ยวไม่มา หรือเปิดได้สักพักก็ต้องปิดอีก เพราะรัฐบาลไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ ประชาชนก็มีแต่จะสิ้นเนื้อประดาตัว พร้อมกับหนี้สินล้นพ้นตัว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน