เพื่อไทย ปลุกประชาชนจับตา พร้อมร่วมลงชื่อคัดค้าน ประยุทธ์ จ่อเอาสมบัติชาติ แลกความผิดค่าโง่ ปมใช้ม.44 สั่งปิดเหมืองทองอัครา

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และน.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงกรณีคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จะมีคำชี้ขาดข้อพิพาทระหว่าง บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดท จํากัด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด กับราชอาณาจักรไทย จากการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 72/2559 ระงับการทำเหมืองทองคำและประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ

นายสมพงษ์ กล่าวว่า คำตัดสินชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจะออกมาในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่ล่าสุดทราบาว่า บ.คิงส์เกตฯ ได้แถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ ในลักษณะเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลไทยจะได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายบ.คิงส์เกตฯ ทำให้พรรคกังวลว่า อาจเป็นความเสียหายแก่ประเทศและประชาชนไทย ซึ่งเป็นผลจากการใช้อำนาจ ม.44 ของพล.อ.ประยุทธ์ และอาจเสียหายไปถึงขั้นนำทรัพย์สินชาติไปแลกชดใช้ความผิดพลาดดังกล่าว

ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวว่า ล่าสุด 23 ก.ย.2564 บ.คิงส์เกตฯ ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ถึงความก้าวหน้าการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลไทยซึ่งกำลังจะได้ข้อยุติ ขณะเดียวกันก็แจ้งไปยังคณะอนุญาโตฯ ขอให้ยืดเวลาการเปิดคำตัดสินชี้ขาดไปเป็นวันที่ 31 ต.ค. เพื่อนำข้อสรุปการเจรจาบรรจุในเนื้อหาคำชี้ขาด

ด้วยเหตุนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่ได้ตรวจสอบ พบจากถ้อยแถลงของบ.คิงส์เกตฯ ต่อตลาดหลักทรัพย์นั้น อาจนำมาสู่ความเสียหายกับประชาชนและอาจเกิดความสูญเสียทรัพย์สมบัติของชาติ ที่จะต้องนำมาแลกชดใช้ความผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สาระของถ้อยแถลงดังกล่าว มีใจความสำคัญชี้ให้เห็นแนวโน้มข้อยุติ ในลักษณะที่ว่าข้อเสนอต่างๆ ของบ.คิงส์เกตฯ จะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลไทยทุกข้อโดยไม่มีข้อจำกัด อาทิ การได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเหมืองใหม่ทั้งหมด ได้รับการอนุญาตให้ทำเหมืองในพื้นที่ใหม่ นอกเหนือจากเหมืองทองชาตรีเดิมที่มีอยู่แล้ว

ซึ่งบ.คิงส์เกตฯ มั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนในการลงทุน และระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่สำคัญคือ ในการทำเหมืองใหม่จะได้รับการดูแลค่าภาคหลวงและภาษีต่างๆ รวมถึงกระบวนการอนุมัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาพบังคับนี้อาจเกิดการข้ามขั้นตอน อาจไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติตามกฎหมายไทย

หากรัฐบาลไทยยินยอมตามที่บ.คิงส์เกตฯ แจ้งแนวโน้มข้อยุติดังกล่าว และคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตฯออกมาในวันที่ 31 ต.ค.เป็นไปตามนั้น ไทยจะเสียหายมหาศาล แม้จะเป็นการประนีประนอม แต่เท่ากับการเอาสมบัติชาติและประชาชนไปแลกชดใช้ความผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. หรือถ้าอนุญาโตฯ ชี้ขาดว่าทางการไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาด ประเทศและประชาชนไทยจะต้องเป็นผู้ร่วมกันชดใช้ ซึ่งไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะต้องเป็นผู้ชดใช้

พรรคไม่ต้องการให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น และหากเกิดขึ้น คนที่ต้องรับผิดชอบจะต้องเป็นพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นผู้ใช้อำนาจและใช้กฎหมายมิชอบ” นพ.ชลน่าน กล่าว

ขณะที่น.ส.จิราพร กล่าวว่า กรณีเหมืองทองอัครา ตลอดเวลาในกระบวนการเจรจา พบว่ามีการอนุมัติอาชญาบัตรสำรวจแร่ให้กับบ.คิงส์เกตฯ คู่พิพาทกับรัฐบาลไทย เข้าสำรวจเหมืองแร่อย่างเงียบๆ นี่คือการเจรจาที่เอาทรัพยากรประเทศไปแลกเปลี่ยนกับความผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ การเจรจาประนีประนอมใดๆ เท่ากับยอมรับในความผิดพลาดเสียหาย ลุแก่อำนาจ จนต้องสังเวยสมบัติชาติเฉียดล้านไร่ สังเวยค่าโง่ในการใช้อำนาจตาม ม.44

น.ส.จิราพร กล่าวอีกว่า แม้ต้องรอคำวินิจฉัยสิ้นเดือนต.ค. แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้วเพราะ 1.ทันทีที่ปิดเหมืองทอง ย่อมส่งผลกระทบให้คนตกงาน ข้ออ้างเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมก็ไม่ได้รับการแก้ไข 2.ส่งผลกระทบเศรษฐกิจทำลายความน่าเชื่อถือประเทศ 3.ใบเสร็จความเสียหายอย่างน้อยที่สุดค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านบาทในการต่อสู้คดีที่เกิดขึ้น ก็มาจากงบประมาณ ไม่ใช่เงินส่วนตัวของพล.อ.ประยุทธ์

สุดท้ายค่าโง่จากเรื่องนี้จึงเป็นมรดกบาปของเผด็จการ ชี้ให้เห็นผลกระทบจากการรัฐประหาร จึงขอเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศ ร่วมกับพรรคเพื่อไทยปกป้องทรัพย์สินชาติ ด้วยการร่วมกันลงชื่อคัดค้านการนำสมบัติชาติ ไปแลกชดใช้ความผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ โดยพรรคจะแจ้งช่องทางการลงชื่อให้ทราบต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน