จาตุรนต์ หนุนแก้ 112 ชี้น่าห่วงทั้งสาระและการบังคับใช้ ไม่เป็นผลดีต่อการสร้างปรองดอง จำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน จี้เลิกดำเนินคดีคนเห็นต่าง

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ของรัฐบาลว่า มีข้อกังวลทั้งเนื้อหาสาระและการบังคับใช้ ขั้นตอนต่างๆ ของการดำเนินคดี

ตั้งแต่การกำหนดว่าใครเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ได้ การตั้งข้อหา การไม่ได้ประกันตัว การดำเนินคดีที่ใช้เวลายาวนาน ทำให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้รับความเป็นธรรม รวมทั้งใช้ข้อหานี้กลั่นแกล้งทำลายผู้เห็นต่างทางการเมือง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการสร้างความปรองดองในสังคม ไม่เป็นผลดีต่อการทำให้สถาบันเกิดความมั่นคง เพราะมีการแอบอ้างไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง ทั้งกระบวนการนี้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน จึงต้องแก้ไขเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย

นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 ก็มีการใช้กฎหมายทำนองเดียวกับมาตรา 112 ยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง เป็นบาดแผลของสังคม นักศึกษาเยาวชนขณะนี้เห็นต่างจากผู้มีอำนาจ แต่เขาต้องการเห็นสังคมที่ดีงาม วิธีดีที่สุดคือต้องหารือพูดจากัน ถ้าดำเนินคดีก็ให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของนักศึกษาและประชาชน

เมื่อถามว่าศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัวแกนนำม็อบแล้ว แต่ออกไปก่อความวุ่นวายซ้ำซากอีก นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การไม่ให้ประกันตัวนั้น มีหลักเรื่องหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ถ้าจะบอกว่าให้ประกันตัวไปแล้ว แต่ไปกระทำผิดซ้ำนั้น เท่ากับไปตัดสิทธิ์ว่าสิ่งที่เขาพูดหรือสิ่งที่เขาทำนั้นผิดกฎหมายไปแล้ว เงื่อนไขไม่น่าสอดคล้องกับหลักนิติธรรม

ตอนนี้สังคมไทยควรแก้ปัญหาให้เกิดความสมดุล โดยใช้หลักนิติธรรมและหลักปฏิบัติกันในนานาอารยประเทศ และจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

ส่วนที่มีการล่ารายชื่อขอยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 นายจาตุรนต์ กล่าวว่า มีพรรคการเมืองเสนอเรื่องนี้อยู่ คิดว่าการเสนอแก้กฎหมายไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทางออกคือให้รัฐสภาพิจารณาตามกระบวนการ ได้ข้อยุติอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ถ้าได้ข้อยุติแล้วพรรคหรือประชาชนยังต้องการเสนอต่อไปอีก ก็ทำได้ ไม่ควรไปตัดตอนหรือห้ามด้วยเหตุผล ว่าข้อเสนอหรือร่างข้อกฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน