จดหมาย ‘อานนท์ นำภา’ ถึง ‘พี่น้องกบฏ’ ลั่นภูมิใจได้ต่อสู้ตั้งแต่วันแรก แม้ตอนนี้อยู่ในคุก แต่ความตั้งใจยังเช่นเดิม

กรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ผู้ถูกร้อง 3 ราย ได้แก่ ภาณุพงศ์ จาดนอก, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และ อานนท์ นำภา ใช้เสรีภาพล้มล้างการปกครอง จากกรณีปราศรัยในการชุมนุม ‘ธรรมศาสตร์จะไม่ทน’ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563

ต่อมาวานนี้ (11 พฤศจิกายน) เฟซบุ๊ก ‘อานนท์ นำภา’ แกนนำราษฎร และทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความ เผยแพร่เนื้อความบนจดหมายเปิดผนึกถึงบรรดา ‘พี่น้องกบฏ’ โดยเนื้อความของจดหมายระบุว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ทำให้ผู้ที่ถวิลหาสังคมที่มีสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ตามระบอบประชาธิปไตยเป็น ‘กบฏ’

พร้อมเน้นย้ำว่าทุกข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ ของพวกเขานั้น มีเพื่อให้สถาบันอยู่ในร่องในรอยตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และหากจะเรียกพวกเขาว่าเป็น ‘กบฏ’ คงเป็นเพราะพวกเขาพยายามเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ซ่อนรูป ไปเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ช่วงหนึ่งของจดหมายยังระบุด้วยว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีการตีความคลาดเคลื่อนหลายอย่าง ซึ่งต่อไปคงมีนักวิชาการออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ และหากเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ กับประเทศนี้ ก็คือว่าศาลรัฐธรรมนูญมีส่วนในการจุดไฟนั้นขึ้นมาด้วย

ท้ายจดหมายทิ้งข้อความระบุว่าว่า “ผม (อานนท์ นำภา) ภูมิใจที่ได้ร่วมต่อสู้กับพี่น้องทุกคนตั้งแต่วันแรกๆ จนถึงวันที่ผมอยู่ในคุก ความตั้งใจเดิมเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น และหากมีผู้ใดจะหมุนเข็มนาฬิกาให้ประเทศไทยกลับไปปกครองด้วยระบอบที่ผู้หนึ่งผู้ใดมีสิทธิ์ขาดในการปกครอง ไม่ฟังเสียงของราษฎร ริดรอนสิทธิ เสรีภาพ ผมเองยินดีประกาศตนเป็นกบฏต่อระบอบนั้น ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า”

ขณะที่วันนี้ (12 พฤศจิกายน) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เบิกตัวอานนท์จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาศาล ตามนัดตรวจพยานหลักฐานคดีปราศรัยในการชุมนุมแฮร์รี่พอตเตอร์ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา

โดย นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความของอานนท์ กล่าวว่า วันนี้นัดตรวจพยานหลักฐานคดีเมื่อปี 2563 ข้อหาหนักทั้งคดีอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือแยกการดำเนินคดีอาญาออกจากกันกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ เป็นการล้มล้างการปกครองที่ผ่านมา

แต่ฝ่ายโจทก์ก็สามารถนำมาประกอบเป็นพยานหลักฐานได้ โดยคดีนี้ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นบัญชีพยานมาแล้ว ส่วนตนในฐานะทนายฝ่ายจำเลยก็ได้เตรียมบัญชีพยาน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุมา 90 ลำดับ ซึ่งจะนำมาพิสูจน์ว่าสิ่งที่อานนท์ปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์เป็นไปโดยสุจริตและมีข้อเท็จจริงรองรับ

“สำหรับในส่วนของคดีนี้ไม่ได้มีความกังวล และอานนท์พร้อมต่อสู้คดีความ แต่มีความยากลำบาก เนื่องจากอานนท์ถูกคุมขังในคดีนี้มาหลายเดือนแล้ว แต่ทีมทนายความไม่สามารถนำคลิปวิดีโอหรือเอกสารต่างๆ ไปปรึกษาหารือ เพื่อต่อสู้คดีได้ จึงมีความยากลำบากในส่วนนี้อยู่ โดยคาดว่ากระบวนการในชั้นนี้จะเสร็จสิ้นประมาณเที่ยงวันนี้” นรเศรษฐ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน