กมธ.ดีอีเอส เล็งอัพเกรดระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์รัฐสภา ป้องกันข้อมูลสำคัญรั่วไหล หลังเว็บราชการถูกแฮกข้อมูลมากขึ้น

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2564 พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร การโทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของรัฐสภาว่า ที่ผ่านเราจะเห็นข่าวการแฮกเข้าเว็บไซต์ หรือฐานข้อมูลของหน่วยงานราชการมากขึ้น เช่น กรณีเจาะฐานข้อมูลผู้ป่วยของโรงพยาบาล การแฮกเว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้อมูลต่างๆ ในเว็บไซต์มีความสำคัญ บางส่วนเป็นความลับมีผลต่อความมั่นคงที่หน่วยงานราชการจะต้องรักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุด

หน่วยงานรัฐสภาก็เช่นกัน มีข้อมูลที่สำคัญและเป็นความลับมากที่ต้องรักษาอย่างดีที่สุด ตนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐสภาควรยกระดับให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงระบบการเก็บข้อมูล Data Recovery ที่จะช่วยป้องกันและกู้ข้อมูลคืนมา

โดยรัฐสภาถือเป็นสถาบันหลักของประเทศในด้านนิติบัญญัติที่จะต้องมีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดแห่งหนึ่ง จึงน่าจะเป็นองค์กรรัฐตัวอย่างที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และ Data Recovery และควรทำ Penetration test เป็นประจำอย่างน้อยทุกปี เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้รู้ว่าความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของหน่วยงานตอนนี้มีอะไรที่มีความเสี่ยงบ้าง ควรปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างไร

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า ตนในฐานะรองประธานกมธ.ดีอีเอส จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของกมธ.ดีอีเอส เพื่อนำข้อมูลด้านต่างๆ มาพิจารณาให้รอบด้าน ก่อนเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้เร่งเตรียมพร้อมทั้งระบบป้องกันและระบบแก้ไขปัญหากรณีเกิดเหตุ เพื่อให้เราสามารถวางแผนบริหารจัดการรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น โดยไม่ได้รับความเสียหายหรือเสียหายน้อยที่สุด

“วันนี้ระบบการทำงานต่างๆ ของรัฐสภา โดยเฉพาะระบบความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ต้องมีการอัพเกรดและอัพเดตให้เท่าทันโลกอนาคต เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือภัยคุกคามใหม่ๆ หากเราลงมือทำตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้การดำเนินงานของรัฐสภามีความมั่นคงปลอดภัย” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน