‘แอมเนสตี้’ เปิดตัว ‘Write for Rights’เขียน เปลี่ยน โลก แคมเปญรณรงค์สิทธิมนุษยชนประจำปีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งผู้คนนับล้านทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิของผู้อื่น กิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 20 และในปีนี้เคสของ “รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” ได้ส่งถึงผู้สนับสนุนของแอมเนสตี้ทั่วโลกให้ช่วยกันส่งข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยเพื่อให้ยุติการดำเนินคดีและข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อรุ้ง

ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า วันนี้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลทั่วโลกเปิดตัวแคมเปญ “Write for Rights” หรือ “เขียน เปลี่ยน โลก” ซึ่งกลับมาอีกครั้งในปีที่ 20 ที่จะเชิญชวนผู้สนับสนุนจากทั่วโลกเขียนจดหมายหลายล้านฉบับให้กับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือครอบครัวโดยตรง เพื่อให้พวกเขารับรู้ว่าไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง นอกจากการส่งข้อความเพื่อให้กำลังใจผู้ถูกละเมิดสิทธิแล้ว ผู้คนยังเขียนจดหมายถึงผู้มีอำนาจ เรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ให้ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและนำความยุติธรรมมาสู่ผู้ได้รับผลกระทบ การรณรงค์ของแอมเนสตี้เป็นการสื่อข้อความไปทั่วโลกว่า ประชาชนพร้อมจะยืนหยัดต่อสู้กับการใช้อำนาจอย่างมิชอบไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดก็ตาม

“จุดเริ่มต้นของแคมเปญนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มนักกิจกรรมในโปแลนด์จัดงานเขียนจดหมายมาราธอน 24 ชั่วโมง โดยเขียนจดหมายทั้งวันทั้งคืนในนามของผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ และ 20 ปีต่อมาก็กลายเป็นการรณรงค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา ที่เราทุกคนมาร่วมกันปกป้องสิทธิมนุษยชนให้กับผู้ที่เผชิญความเสี่ยง

จากจดหมาย 2,326 ฉบับในปี 2544 กลายเป็น 4.5 ล้านฉบับในปี 2563 รวมทั้งทวีตและลายเซ็น ในวันนี้ผู้สนับสนุนแคมเปญ Write for Rights ได้ใช้พลังที่จะส่งเสียงของพวกเขาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ร่วมกันเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนมากกว่า 100 คน ปลดปล่อยพวกเขาจากการถูกทรมาน การล่วงละเมิด หรือจับกุมคุมขังอย่างไม่เป็นธรรม” ปิยนุช กล่าว

โดยปีนี้เคสของ “รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล” จากประเทศไทย ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้เป็นครั้งแรก โดยสามารถร่วมลงชื่อสนับสนุนได้ที่นี่ http://aith.or.th และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยได้เน้นรณรงค์ช่วยเหลือสี่กรณี สำหรับรายละเอียดของกรณี “รุ้ง” และคนอื่นๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ มีดังนี้

รุ้ง ปนัสยา จากประเทศไทย จากเด็กขี้อายและเงียบขรึมได้กลายมาเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย เธออาจถูกจำคุกตลอดชีวิตเพียงเพราะใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบโดยเธอได้ออกมาคัดค้านการใช้กฎหมาย มาตรา 112 ที่ถูกนำมาใช้เพื่อปิดปากผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล

มีนาคม 2564 รุ้งไม่ได้รับการประกันตัวและต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 60 วัน ตามความผิดมาตรา 112 เธอได้อดอาหารประท้วงเป็นเวลา 38 วัน จากนั้นเธอได้รับการปล่อยตัวออกมา แต่ล่าสุดศาลไม่ได้ประกันตัวในกรณีใส่ครอปท็อปเดินห้าง ทำให้ต้องถูกคุมขังอีกครั้ง ทั้งนี้เธอยังต้องเผชิญกับข้อหาอีกมากมายและอาจจะถูกจำคุกตลอดชีวิตหากถูกตัดสินว่ามีความผิด

จาง จ่าน จากประเทศจีน เธอต้องถูกคุมขังเพียงเพราะรายงาน สถานการณ์โรคโควิด-19 เมื่อเมืองอู่ฮั่นถูกล็อกดาวน์ จาง จ่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในนักข่าวพลเมืองไม่กี่คนที่รายงานเกี่ยวกับวิกฤติของโรคโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้น ด้วยความมุ่งมั่น ที่จะเปิดเผยความจริง จาง จ่าน อดีตทนายความจึงเดินทางไปยังเมืองที่เกิดวิกฤติดังกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เธอได้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการรายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้คุมขังนักข่าวอิสระและได้ข่มขู่ครอบครัวของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ต่อมาเธอกลับถูกควบคุมตัวและถูกตัดสินจำคุกสี่ปีเพื่อปิดปากเธอ

“Write for Rights” หรือ “เขียน เปลี่ยน โลก” นั้นเป็นวิธีการรณรงค์ที่สำคัญของแอมเนสตี้ทั่วโลก โดยแบ่งการเขียนเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ 1. การเขียนเพื่อส่งไปกดดันรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและนำความยุติธรรมมาสู่ผู้ได้รับผลกระทบ 2.การเขียนเพื่อส่งไปให้กำลังใจผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนและครอบครัวโดยตรง เพื่อให้พวกเขารับรู้ว่าไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง

ความสำเร็จที่ผ่านมา…เสียงของคุณช่วยพวกเขาได้อย่างไร?

ลำพังเสียงของคุณคนเดียวอาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ไม่มากนัก แต่ Write for Rights พิสูจน์แล้วว่าเมื่อเสียงของคนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมกัน รัฐบาล ประเทศต่างๆ จะไม่สามารถเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อีกต่อไป ส่วนผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิเองก็จะมีความหวังในการต่อสู้มาก ขึ้นจนได้รับความยุติธรรมในที่สุด ข้อความต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ผู้สนับสนุนแอมเนสตี้ ประเทศไทยมีส่วนในการรณรงค์ช่วยเหลือผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ฮาคีม อัล อาไรบี ผู้ลี้ภัยของออสเตรเลียและนักฟุตบอลเชื้อสายบาห์เรน ได้รับการปล่อยตัวหลังถูกทางการไทยควบคุมตัวนานกว่า 2 เดือนตาม “หมายแดง” ของตำรวจสากล ที่รัฐบาลบาร์เรนร้องขอในคดีทำลายทรัพย์สินสถานีตำรวจช่วงอาหรับสปริง เมื่อได้รับการปล่อยตัวเขาเดินทางถึงออสเตรเลียในวันถัดมา หลังจากนั้นหนึ่งเดือนเขาก็ได้รับสัญชาติออสเตรเลีย

มาเมาด์ อาบู ซิด หรือชอว์คาน ช่างภาพข่าวชาวอียิปต์ ได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 2562 หลังถูกจำคุกนานกว่า 5 ปีครึ่งด้วยข้อหาที่ถูกกุขึ้น เขาถูกจับในขณะกำลังทำข่าวการประท้วงเมื่อกองกำลังอียิปต์บุกเข้ามาสังหารผู้ชุมนุมราว 800 ถึง 1,000 คนอย่างเลือดเย็น ที่เรียกว่า “การสังหารหมู่ที่ราบา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน