เรืองไกร ร้อง กกต. เค้นสอบ อธิบดีสรรพากร-รมว.คลัง-รมช.คลัง ปม นายกฯ ฝ่าฝืนรธน. มาตรา 186 วรรคสอง แทรกแซงเก็บภาษีคริปโตหรือไม่

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2565 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีเว็บไซต์รัฐบาลแถลงข่าวว่า นายกฯ รับทราบข้อกังวลภาษีคริปโต และมอบกรมสรรพากรให้ชี้แจงแนวทางการคิดภาษี–ยื่นภาษีให้ชัดเจนว่า เรื่องนี้อาจมีปัญหาตามมา เพราะภาษีคริปโตถือเป็นเงินได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ประเภทเงินได้ตาม มาตรา 40 (4) ต้องเก็บตาม มาตรา 41 ไม่ได้รับยกเว้นตาม มาตรา 42

แต่ตามข่าวของกรมสรรพากรเลขที่ ปชส.33/2565 ที่ระบุว่านายกฯ ได้มอบหมายให้กรมสรรพากร เร่งสร้างความชัดเจนในเรื่องของหลักเกณฑ์การคิดคำนวณภาษี จากกำไรการขายหรือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซีให้แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปนั้น ตนเห็นว่ากรณีดังกล่าวน่าจะไม่เป็นไปตามประมวลรัษฎากรในมาตราที่เกี่ยวข้อง อาจมีปัญหาข้อกฎหมายตามมา เพราะการเก็บภาษีคริปโตนั้น ควรเป็นไปตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40 (4) (ซ) (ฌ) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดตั้งแต่ปี 2561 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ประกอบกับเรื่องภาษีคริปโตนั้น รมว.คลัง และรมช.คลัง ให้ข่าวว่ามีกฎหมายบัญญัติให้มีการจัดเก็บภาษีคริปโต ซึ่งหมายถึงประมวลรัษฎากร การให้ข่าวของ รมว.คลังกับรมช.คลัง จึงน่าจะเป็นไปตามกฎหมาย และอาจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับที่นายกฯ มอบอธิบดีกรมสรรพากร ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าการที่นายกฯ มอบหมายอธิบดีกรมสรรพากรนั้น หากไม่เป็นไปตามประมวลรัษฎากร จะมีปัญหาตามมาว่า กรณีของนายกฯ จะชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 วรรคสอง หรือไม่

ตนจึงนำเรื่องนี้มาร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากอธิบดีกรมสรรพากร รมว.คลัง และ รมช.คลัง ก่อนว่า นายกฯ อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติกฎหมายใด หรือกระทำตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายใด มาใช้สั่งอธิบดีกรมสรรพากรตามกรณีดังกล่าว หาก กกต.สอบข้อเท็จจริงแล้วมีกรณีที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 186 วรรคสอง ปัญหาที่จะตามมาก็คือนายกฯ อาจจะเข้าข่ายใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการใดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของอธิบดีกรมสรรพากรตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 186 วรรคสองหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน