เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคในรูปแบบต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง แนวโน้มของสถานการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงที่อาจส่งผลภูมิภาคอาเซียนและไทย เพื่อเตรียมความพร้อมกำหนดแนวทางและเสริมสร้างความร่วมมือความมั่นคงกับต่างประเทศและท่าทีของไทยให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมได้ขับเคลื่อนเดินหน้างานปฏิรูปกองทัพเรื่องระบบงานต่างประเทศโดยกำหนดเป็น นโยบาย ยุทธศาสตร์ ในการเสริมสร้างความมั่นคงกับต่างประเทศ ที่เน้นงานเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการทหารระหว่างประเทศ ความร่วมมือและไว้เนื้อเชื่อใจกับมิตรประเทศ การทูตเชิงป้องกัน การสร้างเสถียรภาพ และสันติสุข การลดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน การรักษาสมดุลกับประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค

“3 ปีที่ผ่านมามีพัฒนาที่คืบหน้าไปมากจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ด้านการทหารกับทุกประเทศรอบบ้านในอาเซียนมีความแน่นแฟ้น ใกล้ชิดกันทุกระดับ ส่งผลให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ตามแนวชายแดนได้ด้วยความสงบ ไม่มีความขัดแย้งที่ต้องใช้กำลังทหารหรือความรุนแรง เกิดเสถียรภาพความมั่นคงร่วมกันในภูมิภาค ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่น และพัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทยและ ประเทศที่มีชายแดนติดกับไทยได้ชัดเจนขึ้นตามที่ปรากฏ”

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กระทรวงกลาโหม ยังเดินหน้าให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลกับประเทศมหาอำนาจที่มีบทบาทในสำคัญในภูมิภาค จะเห็นได้จากการแลกเปลี่ยนการเยือน การจัดทำความตกลงและความร่วมมือทางการทหาร ทั้งความร่วมมือเทคนิคทหาร และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ความร่วมมือในการฝึกศึกษา โดยยังคงจุดยืนร่วมกันในกรอบของอาเซียน ท่ามกลางการพัฒนาความสัมพันธ์ และความร่วมมือทางทหารกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างแน่นแฟ้น ควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลกับมิตรประเทศนั้นกระทรวงกลาโหมก็ไม่ได้ประมาท มีความจำเป็นต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมด้านยุทธศาสตร์ และเตรียมกำลังให้มีความพร้อมทันสมัยเพียงพอให้ทันกับภัยคุกคามที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงที่พอรับได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน