ศาลยกฟ้อง ทหารใช้ เอ็ม 16 ยิง ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ เสียชีวิต ชี้เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย ทนายยังข้องใจภาพวงจรปิด รท.ยันมีทำสำเนาไว้

วันที่ 26 ม.ค.65 ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ พ2591/2562 ที่นางนาปอย ป่าแส มารดาของ นายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมเยาวชนสิทธิมนุษยชน ชาวลาหู่ เป็นโจทก์ฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลย ให้ชดใช้ทางละเมิด กรณีเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกองทัพบก ได้วิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิ ที่บริเวณด่านรินหลวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.60 ที่ผ่านมา

โดยมี ทนายรัษฎา มนูรัษฎา ,นางสาวจันทร์จิรา จันทร์แผ้ว ทนายความภาคีนักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชนเป็นผู้ดูแลคดีครอบครัวนายชัยภูมิ ในฐานะทนายความโจทก์ และ นางอังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ด้วย โดยศาลใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และพิจารณายกฟ้อง ยืนตามศาลชั้นต้น

นายรัษฎา ให้สัมภาษณ์หลังศาลพิพากษา ระบุว่า ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง และให้กองทัพบกไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายตามคำฟ้องของมารดานายชัยภูมิ ป่าเเส และครอบครัว โดยประเด็นสำคัญที่ศาลวินิจฉัยศาลเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิง นายชัยภูมิ ถึงแก่ความตายเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไม่ต้องรับผิด เหมือนกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ส่วนมีประเด็นที่โต้แย้งหลายประเด็นในศาลชั้นต้น โดยเฉพาะประเด็นสำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิด โดยได้ให้ข้อมูลกับศาลว่าทหารได้มีการทำสำเนาไว้ โดยมีหลักฐานจากทหารนายหนึ่ง ตำแหน่ง ร้อยโท ยืนยันว่าผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ทำสำเนาไว้

ดังนั้นถ้าบอกว่าภาพจากกล้องวงจรปิดขัดข้อง แต่หลักฐานจากกล้องวงจรปิดยังมีอยู่ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังมีพยานหลักฐานอื่น คือ คำเบิกความของพยานคือทหาร 3 นาย และคำให้การของพนักงานสอบสวน รวมทั้งศาลหยิบยกเอาการยิงเข้าที่ต้นแขนซ้าย คือการยิงโดยไม่เจตนาประสงค์ต่อชีวิต แต่ความจริงคือเมื่อกระสุนเข้าที่ต้นแขนซ้ายแล้วทะลุมาที่สีข้างซ้ายซึ่งเป็นเหตุที่เขาถึงแก่ความตาย อย่างไรก็ตามเราเคารพคำพิพากษา แต่ยังมีจุดที่ไม่เห็นด้วยอยู่

ขณะที่พยานโจทก์ที่เป็นชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ระบุว่าเมื่อได้ยินเสียงปืน เห็นทหารกดตัวชัยภูมิลงกับพื้น และยืนยันว่ามีการทำร้าย แต่ศาลอุทธรณ์หยิบเอารายงานของแพทย์ที่ไม่มีระบุแผลฟกช้่ำ ทั้งนี้คดีนี้เรามีข้อจำกัด เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุแล้ว ทหารปิดล้อมพื้นที่ ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ อาเบ แซ่หมู่ ที่ถูกยิงเสียชีวิตก่อนหน้าชัยภูมิ

นายรัษฎา เปิดเผยว่า ทางทนายความจะปรึกษาทางครอบครัวนายชัยภูมิและเห็นว่าต้องต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด โดยจะยื่นศาลแพ่งต่อไป ซึ่งลักษณะของคดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ต่างยกฟ้องนั้น มีกระบวนการที่จะต้องให้ผู้พิพากษาที่นั่งบัลลังก์หรือตัดสินในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์หรือทั้ง 2 ศาลที่ยกฟ้องคดีไปนั้น “รับรองว่าคดีนี้มีปัญหาสำคัญอันควรเข้าสู่การพิจารณาของศาลสูงหรือศาลฎีกา” ตามกระบวนการ ซึ่งฝ่ายโจทก์จะดำเนินการหลังจากนี้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน