เพื่อไทยแฉ 6 พฤติกรรม บิ๊กตู่ แจงปมเหมืองทองอัครา เกาะติดการเจรจายอมความในคดีปิดเหมืองถูกต้องหรือไม่ เบรกโยนความผิดรัฐบาลทักษิณ เหตุบริษัทตั้งขึ้นก่อน

เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2565 น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นเหมืองทองอัครา ถูกนำมาเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว 3 ครั้ง รวมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ครั้งนี้อีกเป็นครั้งที่ 4 แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม มี 6 พฤติกรรมที่ชี้แจงหรือตอบคำถามดังนี้

พฤติกรรมที่ 1 ตอบเหมือนเดิม ใช้ข้อมูลชุดเดิมที่ไม่ฟังขึ้นมาชี้แจงซ้ำซาก เช่น เมื่อถูกตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของการใช้มาตรา 44 ก็จะตอบแบบแผ่นเสียงตกร่องว่า การใช้ มาตรา 44 เพื่อปกป้องประชาชนในเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นด้วย แต่ต้องใช้กฎหมายปกติ เราไม่เห็นด้วยกับการใช้ ม.44 เข้าไปจัดการ เพราะสร้างความเสียหายให้ประเทศเพิ่มขึ้น สุดท้ายต้องเปิดเหมืองคืนให้บริษัทอัคราฯ และยังให้พื้นที่สำรวจแร่ทองคำเพิ่มอีกมหาศาล

พฤติกรรมที่ 2 เลือกตอบบางคำถามแต่ตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่งได้ถามว่าเหตุใดถึงเลื่อนออกคำชี้ขาดไปหลายครั้ง ได้รับคำตอบโดยอ้างว่ามีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ข้อเท็จจริงคือ การไต่สวนและสืบพยานหลักฐานของคดีเหมืองทองอัคราฯ จบไปตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. 2563 คณะอนุญาโตตุลาการพร้อมอ่านคำชี้ขาดแล้ว แต่มีการขอเลื่อนอ่านคำชี้ขาด จึงยังไม่ได้ตัดสิน

บริษัทคิงส์เกตฯ แจ้งในแถลงการณ์ต่อตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียเมื่อ 23 ก.ย.2564 ว่า ไทยกับคิงส์เกตฯ ขอเลื่อนออกคำชี้ขาดไปเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาหาข้อยุติข้อพิพาทกัน และระบุด้วยว่ากำลังเจรจาต่อรองกันทั้งหมด 11 รายการอีกด้วย จะเห็นว่าทั้งที่มีหลักฐานเอกสารชัดเจนแต่พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรียังยืนยันเสียงแข็งปฏิเสธ แบบนี้พูดเท็จกลางสภาหรือไม่

พฤติกรรมที่ 3 ไม่ตอบคำถาม สิ่งที่คนไทยอยากรู้มากที่สุดคือ ไทยถูกบริษัทคิงส์เกตฯ ฟ้องร้องประเด็นใดบ้าง และเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนเงินเท่าไหร และถ้าไทยแพ้คดีใครต้องรับผิดชอบ พล.อ.ประยุทธ์หรือประเทศ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ และในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่าบริษัทอัคราฯ เป็นบริษัทเดียวที่ได้รับการอนุญาตให้สำรวจแร่ในพื้นที่มากที่สุดในไทย และยังมีประเด็นที่ดินที่รออนุมัติคำขอประทานบัตร 600,000 ไร่ มีพื้นที่ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้าย จ.พิษณุโลกอีกด้วย

พฤติกรรมที่ 4 ให้คนอื่นตอบคำถามแทน ทั้งที่ประชาชนต้องการฟังนายกฯ ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 และเป็นผู้รับผิดชอบต่อคดีนี้โดยตรง

พฤติกรรมที่ 5 กล่าวโทษทุกคนยกเว้นตัวเอง ล่าสุด ให้รัฐมนตรีลุกขึ้นชี้แจง โดยใช้วิธีเหมือนโยนความผิดเรื่องเหมืองทองอัคราให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยเอาภาพตอนนายทักษิณ ไปเปิดเหมืองทองอัคราปี 2544 มาแสดงต่อสภา ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ แม้เหมืองทองอัคราฯ ได้สิทธิ์ส่งเสริมการลงทุนและเริ่มผลิตทองคำเชิงพาณิชย์ในปี 2544 ตรงกับยุครัฐบาลไทยรักไทย

แต่เหมืองทองอัคราฯ จดทะเบียนในไทยตั้งแต่ปี 2536 และเริ่มสำรวจแร่ในไทยปี 2537 และได้รับประทานบัตรทำเหมือง รวมเหมืองชาตรีใต้ในปี 2543 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนมีรัฐบาลพรรคไทยรักไทย นายทักษิณ ทำพิธีเปิดเหมืองตามตำแหน่งหน้าที่ในตอนนั้น แต่จุดศูนย์กลางปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นในตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ คิดอะไรไม่ออกก็โทษตระกูลชินวัตร

พฤติกรรมที่ 6 ข่มขู่ผู้อภิปราย ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ เบี่ยงเบนประเด็นด้วยการข่มขู่ว่าจะฟ้องร้องฝ่ายค้าน ครั้งนี้ก็เช่นกัน พล.อ.ประยุทธ์ ข่มขู่ตนให้ระวังการนำเสนอข้อมูล ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่กลัว เพราะเอกสารหลักฐานที่นำมาแสดงต่อสภา เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์บริษัทคิงส์เกตฯ ซึ่งประชาชนเข้าถึงได้ หากเชื่อว่าเอกสารมีเนื้อหาเป็นเท็จ พล.อ.ประยุท ธ์ต้องไปฟ้องร้องบริษัทคิงส์เกตฯ เอง หากไม่ฟ้องร้องก็แสดงว่าข้อมูลทุกอย่างที่ตนนำเสนอนั้น เป็นเรื่องจริงทั้งหมด

พรรคเพื่อไทยไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ ลอยตัวเหนือปัญหาและโยนบาป โยนความรับผิดชอบมาให้ประชาชนต้องรับภาระแทน ไม่อยากเห็นประเทศไทยแพ้คดี และต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาล และไม่อยากเห็นพล.อ.ประยุทธ์ เอาทรัพย์สมบัติประเทศไปชดใช้แทนความผิดตนเอง

ดังนั้น สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะจับตาต่อไปคือ เราจะติดตามว่าการเจรจาประนีประนอมยอมความนั้นถูกต้องสุจริตหรือไม่ โดยใช้กลไกสภาทุกช่องทาง และร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนตรวจสอบรัฐบาล หากพบมีความผิดปกติและส่อทุจริต แน่นอนว่าเหมืองทองอัคราจะเป็นประเด็นสำคัญที่ใช้อภิปรายครั้งที่ 5 ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงเดือนพ.ค.

“พล.อ.ประยุทธ์ ชายชาติทหารที่บอกว่ารักชาติรักแผ่นดิน และจะรับผิดชอบคดีเหมืองทองอัคราเอง แต่กลับมีพฤติกรรมกลับกลอก ผิดคำพูด เอางบประมาณกว่า 731 ล้านบาท ไปใช้ต่อสู้คดีที่ตัวเองก่อขึ้น โยนความรับผิดชอบให้เป็นภาระของประชาชน ถ้ามีความเป็นสุภาพบุรุษชายชาติทหารที่พูดแล้วไม่คืนคำ ขอให้คืนเงิน 700 กว่าล้านบาท ก้อนนั้นเข้าคลังแผ่นดิน” น.ส.จิราพรกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน