พท.ชี้มาตรการรถยนต์ไฟฟ้า EV ตบมือข้างเดียว จูงใจแต่ผู้ซื้อ ไม่จูงใจผู้ผลิต หวั่นจุดจบไทยเป็นผู้นำเข้า ไม่ใช่ฐานผลิต

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.65 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผอ.ศูนย์นโยบายพรรคพท.กล่าวถึงมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ว่า อุตสากรรมการผลิต EV ไทยอยู่ในภาวะหยั่งเชิงกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย โดยคนซื้อไม่ยอมซื้อ เพราะผู้ผลิตไม่เริ่มลงทุน ทำให้โครงสร้างพื้นฐาน EV ไม่พร้อม สถานีชาร์จไม่ครอบคลุม ใช้งานยังไม่สะดวก Economies of scale ไม่เกิด ราคาจึงยังสูง ส่วนผู้ขายไม่กล้าเริ่มลงทุนจนกว่าจะมีผู้ซื้อจำนวนมากพอ คุ้มทุนที่จะลงทุน รวมถึงรอทิศทาง EV จากภาครัฐ

ภาวะหยั่งเชิงแบบนี้ ทำให้การเดินสู่ศูนย์กลางการผลิต EV ของไทยจึงวนอยู่ในอ่าง ช้ากว่าคู่แข่งมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้อง Kick-Start และต้องผลักทั้งผู้ซื้อผู้ขายให้เลิกรอกันไปกันมา การกระตุ้นผู้ซื้อให้ซื้อและผู้ผลิตให้ลงทุน ต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่มาตรการสนับสนุน EV ของรัฐบาลที่ออกมานั้น เป็นการตบมือข้างเดียว มีแต่ด้านจูงใจผู้ซื้อ แต่ขาดมาตรการจูงใจผู้ผลิตให้เริ่มลงทุน เรายังไม่เห็นมาตรการ เช่น การร่วมลงทุนจากภาครัฐ กองทุนขนาดใหญ่เพื่อสร้างอุตสาหกรรม EV มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เงินอุดหนุนจากภาครัฐสู่ผู้ผลิต มาตรการรัฐร่วมทุนสร้างแท่นชาร์จสาธารณะและอุดหนุนหัวจ่ายตามกำลังวัตต์ มาตรการดึงการผลิตและประกอบ EV ให้มาตั้งถิ่นฐานในไทย การใช้ภาษีสรรพสามิตเพื่อปกป้องตลาดในประเทศกรณีรถ EV ทะลักจากจีนจากสิทธิประโยชน์ FTA มาตรการต่างๆ เหล่านี้ยังไม่เห็น

“หากรัฐบาลยังทำมาตรการด้านผู้ซื้อด้านเดียวแบบนี้ ในที่สุดไทยจะกลายเป็นผู้นำเข้า EV แต่ไม่ใช่ฐานการผลิต EV แบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย (ซึ่งใหญ่มาก) จะหายไป ห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด ตำแหน่งงานทั้งหมดจะหายไป เวียดนามและมาเลเซียเดินเกมเร็วมากด้าน EV อินโดนีเซียก็ได้เปรียบเรามากเพราะมีแหล่งแร่นิกเกิลที่ใช้ผลิตแบตเตอรี่ รัฐบาลจึงต้องออกแรงขนาดใหญ่และหนัก ต้องทำแบบครบวงจร ทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ผลิตพร้อมกัน เรื่องนี้ช้าแล้วอดเลย หากฐานการผลิตไปตั้งที่อื่นแล้ว ยากมากที่จะกลับมา ห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดจะถูกย้ายตามไปด้วย ฉะนั้นเรื่องนี้ Do or Die หรือ ไม่ชนะก็แพ้เลย” นายเผ่าภูมิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน