คณะก้าวหน้า คิกออฟ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น” ธนาธร ชี้ระบบรัฐราชการ อุปสรรคขวางความเจริญ ขอทุกคนร่วมลงชื่อแก้รธน.หมวด 14 แสดงพลังให้สภาฯโหวตผ่านร่าง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 เม.ย.2565 ที่อาคารอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้าเปิดตัวแคมเปญ “ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น” เนื่องในวันครบรอบ 130 ปี สถาปนากระทรวงมหาดไทย ชวนเข้าชื่อเพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม พ.ศ…. หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ “ผ่าทางตัน 130 ปี รัฐราชการรวมศูนย์”

ในช่วงเช้าเป็นการบรรยายและแสดงวิสัยทัศน์ของนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น นายบรรยง พงษ์พานิช นายวีระศักดิ์ เครือเทพ อาจารย์ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

จากนั้นเวลา 13.15 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า บรรยายในหัวข้อ “ท้องถิ่นก้าวหน้า สังคมไทยก้าวไกล” กล่าวตอนหนึ่งว่า 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่คณะก้าวหน้าเข้าไปให้คำแนะนำผลักดันโครงการต่างๆ ร่วมกับ 16 เทศบาล ใน 7 จังหวัด และ 39 อบต.ใน 18 จังหวัด สภาชิกสภาในนามคณะก้าวหน้าทุกระดับมากกว่า 200 คน ภายใต้งบประมาณรวมกัน 2,800 ล้านบาทต่อปี และจำนวนประชากร 4 แสนคน

คณะก้าวหน้าประสบความสำเร็จในการผลักดันการพัฒนาต่างๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายเรื่องเป็นนโยบายของรัฐ แต่พอจะทำจริง ทำไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจในการทำ เนื่องจากงบประมาณกองอยู่ที่ศูนย์กลาง และกว่าจะดึงงบมาตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ต้องผ่านเอเจนต์หรือตัวกลางหลายชั้นมาก ไม่ว่ากำนัน นายอำเภอ ผู้ว่าฯ อธิบดี ไปจนถึงปลัด ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน

ความเจริญก้าวหน้าทางการงานของเขา ไม่ได้อยู่ที่เขาตอบสนองประชาชนได้ดีเท่าไหร่ แต่อยู่ที่ว่าเขาเอาใจผู้บังคับบัญชาได้ดีเท่าไหร่ ขณะเดียวกันคนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มีงบนิดเดียว การจะดึงงบกลับมามีต้นทุน ซึ่งต้นทุนที่สำคัญมากและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย คือ ความเป็นอิสระทางการเมือง

เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องการตอบสนองชีวิตประชาชนเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่เรากำลังพูดถึงระบอบที่ทำให้เกิดการอุปถัมป์ทางการเมือง โดยตัวกลางเดียวที่จะทำให้เขาเข้าถึงงบ คือ บัตรเลือกตั้ง ซึ่งจะตัดตอนตัวกลางทางการเมืองทั้งหมดออกไปจากการเข้าถึงงบและอำนาจ จะทำให้การตอบสนองชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนรวดเร็วขึ้น และยังอนุญาตให้ประชาชนมีความฝันอีกด้วยว่า อยากให้เมืองของคุณเป็นแบบไหน

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ถ้าเปลี่ยนจากระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ เชื่อว่าจะเป็นการปลดล็อกพลังการผลิตครั้งใหญ่ของสังคมไทย และทำลายโซ่ตรวนที่ฉุดรั้งความก้าวหน้าของสังคมไทยเอาไว้ ถ้าต้องการให้ประเทศไทยพัฒนาไปไกลกว่านี้ นี่คือเส้นทางที่ต้องเดินไป วันนี้ครบรอบ 130 ปีของการสถาปนารัฐราชการรวมศูนย์ เราขอใช้โอกาสนี้รณรงค์เรื่องการปลดล็อกท้องถิ่น ขอรายชื่อจากทุกท่านมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 เพื่อให้การกระจายอำนาจและปฏิรูประบบรัฐราชการเป็นไปได้จริง

ผมมี 1 คำสารภาพ 1 คำสัญญา และ 1 คำร้องขอ ผมสารภาพว่าผมไม่สามารถแก้ปัญหาทุกที่ได้ ผมไม่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตเพียงพอที่จะแก้ปัญหาให้ทุกท่าน แต่ผมสัญญาว่าคณะก้าวหน้าและเพื่อนร่วมงานของผมในพรรคก้าวไกล จะทำทุกวิถีทางตามกำลังที่มีอยู่ เอางบและอำนาจกลับไปให้พวกท่าน เพื่อให้พวกท่านแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเองอย่างเต็มกำลัง เลือกคนที่มีศักยภาพมาจัดการผ่านกลไกการเลือกตั้ง

และผมมีคำร้องขอ คือ ถ้าเห็นด้วยกับผม ช่วยผมรณรงค์แคมเปญนี้ ช่วยผมเอารายชื่อมา และช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าทำไมต้องกระจายอำนาจ เพราะ 1 ชื่อของท่านจะเป็นพลังแสดงให้สมาชิกรัฐสภาเห็นว่า มีคนจำนวนมากที่ต้องการปฏิรูประบบราชการ และจะเป็นแรงกดดันให้สมาชิกรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้” นายธนาธร กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน