‘สมชาย’ ยัน กมธ.สิทธิมนุษยชน เดินหน้าติดตามคดี “แตงโม” เน้นความเป็นธรรม-ไม่บิดเบือน เชื่อ หากอัยการติดตามร่วมตำรวจจะไม่มีปัญหา

วันที่ 12 เม.ย.65 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เปิดเผยว่า มติของที่ประชุมกมธ. เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา จะติดตาม และสอบหาข้อเท็จจริงต่อการทำคดีของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ดาราสาว ซึ่งเสียชีวิตจากการพลัดตกเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตามกรอบของรัฐธรรมนูญ โดยไม่ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำคดีของเจ้าหน้าที่ ซึ่งตามข้อบังคับวุฒิสภา กมธ.สามารถทำได้

โดยเบื้องต้น กมธ.จะติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าเป็นอย่างไร ทั้งสำนวนของคดี การส่งเรื่องไปอัยการ รวมถึงความเป็นธรรม การอำนวยความยุติธรรมที่ไม่บิดเบือน เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่

ส่วนกรณีที่กลุ่มประชาชนคนไทย ยื่นเรื่องให้กมธ.ส่งต่อคดีของน.ส.ภัทรธิดา กมธ.มีมติส่งต่อเรื่องไปยังตำรวจเจ้าของคดี และอัยการนนทบุรี เพื่อให้ตรวจสอบว่าก่อนสรุปสำนวนได้ดำเนินการอย่างรัดกุม รอบคอบ ไม่ตกหล่นหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่ใช่ข้อสั่งการของกมธ.ที่มีผลบังคับให้ทำ แต่เป็นเพียงข้อสังเกตเพื่อให้การทำงานรอบคอบ

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า จากการติดตามเรื่องดังกล่าว ทำให้กมธ.ตรวจสอบพบว่า งานด้านปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นอกจากต้องตรา ร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติแล้ว ต้องมีร่างกฎหมายสำคัญอีก 1 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญาด้วย และจากการตรวจสอบพบว่า ถูกยกร่าง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว ตามหมายเลข 1788/2561 เมื่อปี 2561 แต่ปัจจุบันไม่ทราบว่าเรื่องค้างอยู่ที่ส่วนราชการใด

“ร่างพ.ร.บ.สอบสวนคดีอาญา มีความสำคัญเพราะตามเหตุผล คือ ให้การสอบสวนคดีอาญามีการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการที่เหมาะสม โดยมีหลักเกณฑ์ต้องเป็นคดีสำคัญ มีโทษ 10 ปีขึ้นไป หรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอัยการพิจารณาตามประกาศกำหนด หากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลจะทำให้อัยการมีส่วนร่วมการทำคดีตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อประชาชนมีความเชื่อมั่นใจกระบวนการยุติธรรม และหากคดีของ น.ส.ภัทรธิดามีกระบวนการดังกล่าวจะไม่มีปัญหา” นายสมชายกล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า กมธ.ได้มอบหมายให้อนุกมธ.ติดตามเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ตนเห็นว่า เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมเดือนพ.ค.นี้ รัฐบาลควรส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อให้การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมมีความชัดเจน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน