เอาแล้ว! ‘รมว.ดีอีเอส’ เล็งขยายผลแพลตฟอร์มหมิ่นสถาบัน แนะ สมาคมวิชาชีพคุมกันเอง รบ.ไม่ยุ่ง ชี้ต่างชาติทำอะไรต้องเคารพความรู้สึกคนไทย

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 10 พ.ค.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าตรวจสอบเว็บไซต์และแพลตฟอร์มที่นำเสนอโฆษณาด้านการตลาดในลักษณะก้าวล่วงสถาบันของลาซาด้าและที่คล้ายกันว่า ขณะนี้เรากำลังรวบรวมพยานหลักฐานและทำงานร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ซึ่งได้ดำเนินคดีไปแล้ว

นอกจากนี้ยังมีคำสั่งไปที่ศาล เพื่อขอให้ปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์ม รวมถึงการแชร์ผ่านยูทูบ ทวิตเตอร์​และเฟซบุ๊ก เบื้องต้นพบทั้งหมด 42 ยูอาร์แอล

อย่างไรก็ตามโดยปกติหากแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้รับการแจ้งจากดีอีเอส จะปิดตัวเองอยู่แล้ว เพราะหากไม่ปิดจะมีความผิด คือเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และกฎหมายอื่น

เมื่อถามว่าขณะนี้สั่งปิดกี่ยูอาร์แอลแล้ว นายชัยวุฒิ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ คาดว่าน่าจะสามารถปิดได้เกือบทั้งหมด เพราะมีความผิดชัดเจน

เมื่อถามว่าจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้อีกอย่างไร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด เอเจนซีโฆษณา อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ที่อยู่ในวงการประชาสัมพันธ์ต้องมีจรรยาบรรณ​และมีสมาคมวิชาชีพดูแล เพื่อหารือกันว่าการทำโฆษณาต้องถูกกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม ไม่บูลลี่ หรือทำให้สังคมเกิดความรู้สึกไม่ดี จึงต้องมีการกำกับดูแลระหว่างกัน

หากให้หน่วยงานหรือรัฐบาลไปสั่งก็คงไม่เหมาะสม เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ แต่ก็อยากให้เคารพกฎหมายและเป็นไปตามบริบทที่สังคมไทยรับได้ อะไรที่สังคมไทยรับไม่ได้ ก็อย่าไปทำ หากไปทำอะไรที่ขัดความรู้สึกคนไทย สุดท้ายธุรกิจทำโฆษณาก็จะเสียหายเอง

เมื่อถามว่าการที่หน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานออกมาแบนลาซาด้า จะกระทบต่อภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือไม่ เพราะสื่อต่างประเทศรายงานเรื่องนี้ นายชัยวุฒิ กล่าววว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิของคนไทยและองค์กรต่างๆ ที่จะตอบโต้การกระทำที่ไม่เหมาะสม ทั้งลาซาด้าและแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในทางที่ไม่เหมาะสม

ถ้าไม่ตักเตือนและส่งสัญญาณว่าเราไม่เห็นด้วย ก็จะมีการทำแบบนี้อีกไม่จบไม่สิ้น เราจึงต้องส่งสัญญาณให้ภาคธุรกิจและต่างชาติรับรู้ว่า คนไทยรับไม่ได้กับสิ่งเหล่านี้ และให้หยุดการกระทำ อย่ามาทำแบบนี้ในประเทศไทย

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะกระทบความสัมพันธ์ เพราะลาซาด้าเป็นแพลตฟอร์มจากประเทศจีน นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็ต้องคิดถึงคนไทยเหมือนกัน จะคิดว่าอยากทำอะไรก็ได้มันไม่ถูก เป็นคนจีนก็ต้องเคารพกฎหมายไทยและความรู้สึกของไทย

เมื่อถามว่า เอเจนซีผู้จัดทำโฆษณาจะมีความผิดมากกว่าลาซาด้าใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในหลักการต้องเริ่มจากการตรวจสอบเอเจนซีผู้จัดทำโฆษณา เพราะแพลตฟอร์ม อี-คอมเมิร์ซไม่ได้เป็นผู้จัดทำโฆษณา อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีอัลกอริทึมและกฎหมายป้องกันและแก้ไขให้ทันในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่รอจนคนไทยด่าทั้งประเทศแล้วค่อยมาแก้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน