กมธ.งบประมาณปี 66 ถกงบกระทรวงดีอีเอส ห่วงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จี้จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไข ยกเป็นวาระแห่งชาติ

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2565 ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงผลประชุม

โดยน.ส.จิราพร กล่าวว่า ที่ผ่านมากมธ.ใช้เวลาพิจารณางบประมาณมาแล้วทั้งหมด 15 วัน รวม 136 ชั่วโมง ซึ่งมีหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาไปแล้ว รวม 6 กระทรวง 4 หน่วยงาน 5 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 22.2 ของหน่วยงานที่ต้องพิจารณาทั้งหมด ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ

ด้านนายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า ที่ประชุมยังพิจารณางบประมาณภาพรวมของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่งมีกมธ.ส่วนใหญ่ท้วงติงเรื่องการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก จากกรณีถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกให้โอนเงิน ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รู้ถึงข้อมูลส่วนตัวในเชิงลึกของประชาชน เพราะมีการซื้อขายข้อมูลส่วนตัว และเลือกบัญชีเป้าหมายได้ตามความต้องการของมิจฉาชีพ

เมื่อประชาชนถูกหลอกให้โอนเงินแล้วจะมีการโอนเงินจากบัญชีที่รับโอนภายใน 5 นาที ส่วนใหญ่จะโอนในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เพื่อไม่ให้เหยื่อไปทำธุรกรรมได้เหมือนวันปกติ และปกติคนไทยมีซิมโทรศัพท์แค่ 1-2 ซิม แต่ตรวจสอบพบว่า บางคนมีเบอร์โทรศัพท์ 4,000 ซิม หรือ 5,000 ซิมบ้าง นี่คือสิ่งที่กมธ.ต้องการให้กระทรวงดีอีเอส รีบไปดำเนินการ

โดยให้ปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดีอีเอส ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานกฤษฎีกา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรมประชาสัมพันธ์

นายณัฏฐ์ชนน กล่าวต่อว่า ด้านผู้แทนจากกระทรวงดีอีเอส ชี้แจงว่า การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นวาระแห่งชาติ เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ใช่แก๊งระดับประเทศ แต่เป็นมิจฉาชีพข้ามชาติที่มีหลายประเทศตกเป็นเหยื่อ โดยแก๊งเหล่านี้จะอยู่บริเวณชายแดนไทย เพื่ออาศัยเสาสัญญาณโทรศัพท์ของประเทศไทยทุกเครือข่ายเอื้อประโยชน์ แม้จะใช้การโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตที่ไม่สามารถปิดกั้นได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงใช้วิธีปิดกั้นทางการเงินเอา เพราะเมื่อมิจฉาชีพได้รับการโอนเงินมาแล้วจะโอนต่อไปอีกอย่างน้อย 4 บัญชี และเป็นบัญชีต่างประเทศ

ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันแก้ปัญหา เช่น การส่งข้อความเอสเอ็มเอสแจ้งเตือนประชาชน หรือให้ผู้นำท้องถิ่นเตือนประชาชนเบื้องต้นอีกทาง นอกจากนี้ยังมีกมธ.บางส่วนท้วงติงเรื่องการจัดระเบียบสายสื่อสารในกทม. และทั่วประเทศที่ถือเป็นปัญหาใหญ่ โดยให้กระทรวงดีอีเอสจัดเก็บหรือตรวจสอบสายที่ไม่ใช้งานแล้ว เพื่อดำเนินการให้เรียบร้อย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน