พปชร.จัดทัพพิทักษ์’ประยุทธ์’ สู้ศึกซักฟอก งัดตำราพิชัยสงครามสู้ เย้ยฝ่ายค้านอย่าโม้ มีหมัดเด็ด แต่มีแค่หมัดแย็บ ระวังจะอายประชาชน

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.65 ที่รัฐสภา นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งทีมปราบมาร เป็นองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยไม่มีชื่อนายสายัณห์อยู่ด้วยว่า

เดิมไม่มีชื่อตนอยู่ในทีมจริง แต่ได้พูดคุยภายใน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงได้แต่งตั้งตนเป็นหนึ่งในทีม เพื่อตรวจสอบการอภิปรายของฝ่ายค้านว่าอภิปรายนอกกรอบหรือไม่ โดยตนขอเรียกว่า เป็นสงครามครั้งสุดท้าย และคิดว่าเมื่อฝ่ายค้านมีหลักว่าจะล้มรัฐบาลในการสอยนั่งร้านคือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ตนก็จะใช้ตำราพิชัยสงครามโดยมีตนเป็นทัพหน้า พรรคประชาธิปัตย์เป็นปีกซ้าย พรรคภูมิใจไทยเป็นปีกขวา ขณะที่นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เป็นทัพหลวง และมีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เป็นทัพหลัง เพื่อคอยระวังหลังไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือล่วงล้ำไปเรื่องส่วนตัว ใส่ร้ายป้ายสี พูดจาวกวนซ้ำซาก

นายสายัณห์ กล่าวต่อว่า เราอยากฟังฝ่ายค้านอภิปรายในหลักการว่ารัฐบาลบริหารประเทศมา 3 ปีกว่า รัฐบาลไม่ดีตรงไหน ทุจริตตรงไหน บริหารประเทศไม่ก้าวหน้าอย่างไร ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมาที่ฝ่ายค้านประกาศว่ามีหมัดเด็ด แต่ก็มีแค่หมัดแย็บ ขี่ม้าเลียบค่ายอยู่ตลอดเวลา และการอภิปรายครั้งนี้ประชาชนจะได้ตัดสินใจว่ารัฐบาลมีปัญหาจริงหรือไม่ ฝ่ายค้านสามารถควบคุมการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ เพราะ 3 ปีกว่ารัฐบาลก็มีผลงาน ฝ่ายค้านย่อมสามารถจับจุดอ่อนของรัฐบาลได้ว่าผิดพลาดตรงไหน ตรงนี้คิดว่าประชาชนจะได้ประโยชน์ เพื่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งหน้า

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านตั้งเป้าว่าการอภิปรายฯครั้งสุดท้ายนี้ ถ้าล้มนายกฯและรัฐมนตรีในสภาฯไม่ได้ก็จะไปล้มในสนามเลือกตั้งให้ตายคาบ้าน โดยประชาชนไม่เลือก นายสายัณห์ กล่าวว่าตนเห็นว่า ฝ่ายค้านก็พูดไปอย่างนั้น อยากเอาเรื่องที่อภิปรายในสภาฯ ไปขยายผลข้างนอกตามสื่อโซเชียล แต่ความจริงก็คือความจริง รัฐบาลก็มีผลงานอย่างการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่รัฐบาลก็ภูมิใจ และรัฐบาลต่างชาติก็ให้ความชื่นชมโดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่นายกฯไปสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ขอร้องนายกฯประเทศไทยว่าช่วยฟื้นฟูสหรัฐฯหน่อย นั่นคือความภูมิใจของรัฐบาลเหมือนกัน และเมื่อเช้าตนเห็นข่าวว่า นายกฯประเทศไทยเป็นนายกฯอันดับ 1 ของโลก ซึ่งตนภาคภูมิใจ ซึ่งนายกฯจะนำไปชี้แจงในสภาฯด้วย

ต่อข้อถามกรณีที่ฝ่ายค้านขอเวลา 5 วันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นเพียงพอหรือไม่ นายสายัณห์ กล่าวว่า อยู่ที่ข้อมูล ถ้าฝ่ายค้านอภิปราย 2-3 วันแล้วยังวนอยู่ในอ่าง แล้วจะอภิปราย 4-5 วันไปทำไม แต่ถ้าเขามีข้อมูลอภิปราย 5 วันแล้วยังเหลืออีกจำนวนมาก และข้อมูลเป็นของจริงไม่ใช่ของเท็จ ใครก็ห้ามฝ่ายค้านไม่ได้ จะ 6-7 วันก็ยังได้อยู่ แต่ถ้าอภิปราย 3 วันยังพูดของเก่า3 ปีที่แล้ว ก็ยังเหมือนเดิมจะพูดให้เสียเวลาทำไม รัฐบาลจะได้เอาเวลาไปทำงาน

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ฝ่ายรัฐบาลจะถูกมองเป็นตัวป่วน นายสายัณห์ กล่าวว่า การเป็นองครักษ์หรือตัวป่วน ถ้าป่วนไม่ดี ไม่มีข้อบังคับ ก็เสียคนเหมือนกัน คนก็ด่า แต่ถ้าฝ่ายตรงข้ามกระทำผิดข้อบังคับหรือข้อกฎหมาย แล้วเราประท้วงประชาชนก็ชื่นชม ดังนั้นจึงอยู่ที่วิธีการประท้วง และคิดว่าการอภิปรายฯครั้งนี้เป็นการโชว์คุณภาพของฝ่ายค้านและเป็นการโชว์ผลงานของรัฐบาลไปในตัว จึงอยากให้ประชาชนทั้งประเทศติดตาม อย่ากะพริบตาทั้ง 5 วัน 5 คืน เพราะตนมองว่าการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายที่มันหยด เพราะดูทั้งสองฝ่ายแล้วมีความพร้อมทั้งคู่ ดังนั้นการทำหน้าที่องครักษ์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าฝ่ายรัฐบาลตอบดี ถือว่าผ่านสงครามครั้งสุดท้าย หากฝ่ายค้านตอบดี อภิปรายดี ตนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะลุกขึ้นมาประท้วงได้ จึงอยากให้ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เพื่อรักษาระบบประชาธิปไตยให้ไปต่อได้

“ไม่อยากให้ฝ่ายค้านมาหลอกด่า รัฐบาล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเฉยๆ แบบตีหัวเข้าบ้าน ไม่อยากให้มีประเภทตีหัวเสร็จแล้วนั่งลง และการประท้วงจะไม่ใช่นาทีต่อนาที ถ้าเล็กๆน้อยๆก็จะปล่อยไปเพราะผ่านมา 3 ปีแล้ว ส.ส.รัฐบาลก็มีวุฒิภาวะอยู่บ้าง และอยากฝากถึงฝ่ายค้านก่อนการอภิปรายว่า ขอให้ไปหาข้อมูลเยอะๆ อย่าโม้เยอะ หาข้อมูลให้ได้เยอะก่อนค่อยมาพูด ไม่ใช่ข้อมูลเต็มกระเป๋าแต่เปิดออกมาไม่มีอะไร เดี๋ยวจะอายประชาชนทั้งประเทศ” นายสายัณห์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน